สหรัฐฯ นำร่องเผยแพร่ GDP ผ่านบล็อกเชน: ใช้เชนลิงก์(LINK) เชื่อมโยงข้อมูลจริงสู่เครือข่ายใหญ่

รัฐบาลสหรัฐฯ เริ่มเผยแพร่ข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) อย่างเป็นทางการผ่านบล็อกเชนชื่อดัง 9 เครือข่าย รวมถึงบิตคอยน์(BTC), โซลานา(SOL) และอีเธอเรียม(ETH) ถือเป็นความพยายามครั้งแรกในระดับรัฐในการนำข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญเข้าสู่ระบบบล็อกเชนโดยตรง ซึ่งถูกมองว่าเป็นการขยายการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนในภาครัฐอย่างมีนัยสำคัญ

โครงการนี้ดำเนินการโดยกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ โดยใช้เทคโนโลยีออราเคิลของเครือข่ายเชนลิงก์(LINK) เป็นโครงสร้างพื้นฐานหลัก เชนลิงก์มีบทบาทในการเชื่อมโยงข้อมูลโลกภายนอกเข้าสู่บล็อกเชนอย่างปลอดภัย และเคยร่วมมือกับสถาบันการเงินใหญ่ทั่วโลก เช่น SWIFT, วีซ่า, BNY เมลลอน และแบล็คร็อก เชนลิงก์ระบุว่า ความร่วมมือกับรัฐบาลในครั้งนี้เป็น ‘หมุดหมายสำคัญ’ สำหรับการผลักดันการใช้บล็อกเชนในภาครัฐ และภายหลังจากประกาศความร่วมมือนี้ ราคาของโทเคน LINK พุ่งขึ้นกว่า 6% เมื่อเทียบกับวันก่อนหน้า

ข้อมูล GDP ที่เผยแพร่ในครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการทดสอบระบบ แต่เป็นข้อมูลเศรษฐกิจจริง โดยในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ GDP ของสหรัฐฯ ขยายตัว 3.3% จากประมาณการเดิมที่ 3% ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนเพิ่มขึ้น 1.6% ถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2023 นักวิเคราะห์เศรษฐกิจอย่างเฮเดอร์ ลอง แสดงความเห็นว่า ตัวเลขเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงมี ‘แรงขับเคลื่อนการเติบโต’ แม้อยู่ในภาวะชะลอตัว

การตัดสินใจผลักดันนโยบายนี้เกิดขึ้นท่ามกลางท่าทีสนับสนุนบล็อกเชนจากทรัมป์ ซึ่งแสดงเจตจำนงชัดเจนในการสนับสนุนเทคโนโลยี Web3 โดยโครงการนี้ยังถือเป็นการทดลองสร้าง *ความโปร่งใสของข้อมูลภาครัฐ* ด้วยโมเดลที่เปิดให้ทุกคนสามารถตรวจสอบได้ ทั้งยังถือเป็นก้าวสำคัญของการทำงานร่วมกันระหว่างเทคโนโลยีแบบกระจายศูนย์กับระบบราชการแบบรวมศูนย์ โดยกระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมมือกับแพลตฟอร์มคริปโตอย่างคอยน์เบส และเจมินี เพื่อสร้างช่องทางกระจายข้อมูลในวงกว้าง

ความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และเครือข่ายบล็อกเชนในครั้งนี้ตอกย้ำแนวโน้มการเชื่อมโยงข้อมูลเศรษฐกิจจริงเข้าสู่พื้นที่ดิจิทัล และอาจนำไปสู่การเปิดเผยข้อมูลสำคัญอื่นๆ อย่าง ‘ตัวเลขจ้างงาน’ หรือ ‘ดัชนีราคาผู้บริโภค(CPI)’ ผ่านเครือข่ายบล็อกเชนในระยะถัดไป หากการทดลองในครั้งนี้ประสบความสำเร็จ ซึ่ง *ความคิดเห็น* ในแวดวงเทคโนโลยีเชื่อว่า นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของโมเดล ‘การบริหารภาครัฐแบบดิจิทัล’ ที่เปลี่ยนแปลงวิธีการเข้าถึงข้อมูลสาธารณะในอนาคต.