บล็อกสแควร์เปิดตัวเฟรมเวิร์กโทเค็นอสังหาริมทรัพย์ ตามมาตรฐาน EU

แพลตฟอร์มบล็อกเชนอสังหาริมทรัพย์ ‘บล็อกสแควร์(Blocksquare)’ ซึ่งมีฐานอยู่ที่ลักเซมเบิร์ก ได้เปิดตัว ‘เฟรมเวิร์กสำหรับโทเค็นอสังหาริมทรัพย์’ ที่เป็นไปตามข้อกำหนดของสหภาพยุโรป(EU) เฟรมเวิร์กใหม่นี้ช่วยให้สามารถแปลงสิทธิทางเศรษฐกิจในอสังหาริมทรัพย์เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลได้ ซึ่งถือเป็น ‘ก้าวสำคัญ’ ในอุตสาหกรรมบล็อกเชนของยุโรป

บล็อกสแควร์ระบุว่า เฟรมเวิร์กดังกล่าวได้รับการพัฒนาตาม ‘กฎระเบียบตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล(MiCA)’ ของสหภาพยุโรป ทำให้สามารถสร้าง ‘โมเดลโทเค็นอสังหาริมทรัพย์’ ที่มีผลทางกฎหมายได้อย่างสมบูรณ์ โดยเฉพาะแนวทางที่เชื่อมต่อระบบโฉนดที่ดินเข้ากับ ‘สัญญาที่ได้รับการรับรองทางกฎหมาย’ ช่วยเสริมสร้างความน่าเชื่อถือและความถูกต้องตามกฎหมาย

เดนิส เปโตรฟชิก(Denis Petrovcic) ซีอีโอของบล็อกสแควร์ให้ความเห็นว่า “ช่องโหว่สำคัญของโทเค็นอสังหาริมทรัพย์ในอดีตคือการขาดการคุ้มครองทางกฎหมาย แต่เฟรมเวิร์กใหม่ของเราจะแก้ปัญหานี้” พร้อมเสริมว่า “ผู้ถือโทเค็นไม่ได้เป็นเพียงเจ้าของสินทรัพย์ดิจิทัลเท่านั้น แต่ยังมี ‘สิทธิทางกฎหมายที่แท้จริง’ ในอสังหาริมทรัพย์อีกด้วย”

บล็อกสแควร์ยังตั้งเป้าว่า เฟรมเวิร์กใหม่นี้จะช่วยเปิดโอกาสให้นักลงทุนรายย่อยสามารถเข้าถึงตลาดอสังหาริมทรัพย์ได้ง่ายยิ่งขึ้น อีกทั้งยังนำ ‘มาตรการคุ้มครองทางกฎหมาย’ ที่ได้รับการใช้งานในระบบการเงินแบบดั้งเดิมมาผนวกรวมกับสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อเพิ่มความโปร่งใสและความมั่นคง

ขณะเดียวกัน ตลาดโทเค็นสำหรับสินทรัพย์จริง(RWA) ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ข้อมูลจากแหล่งวิจัยตลาดคริปโตพบว่า ณ วันที่ 3 กุมภาพันธ์ มูลค่าตลาดของ RWA บนบล็อกเชน(on-chain) อยู่ที่ประมาณ 17.1 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 24.79 ล้านล้านวอน

การเปิดตัวเฟรมเวิร์กของบล็อกสแควร์เกิดขึ้นภายหลังจาก MiCA มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ เปโตรฟชิกกล่าวว่า “การบังคับใช้ MiCA ทำให้เกิดความชัดเจนทางกฎหมาย ทำให้สามารถเปิดตลาดโทเค็นอสังหาริมทรัพย์ได้เร็วขึ้น โดยไม่ต้องเผชิญกระบวนการกำกับดูแลที่ซับซ้อน” พร้อมเสริมว่า “การตั้งบริษัทในลักเซมเบิร์กยังช่วยลดภาระทางกฎหมาย ขณะเดียวกัน เรายังให้ความสำคัญกับการปฏิบัติตามข้อกำหนดทุกประการ”

ปัจจุบัน ตลาดโทเค็นอสังหาริมทรัพย์ในยุโรปยังคงถูกขับเคลื่อนโดย ‘สตาร์ทอัพ’ อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่า เมื่อบริษัทขนาดใหญ่เริ่มเข้าสู่ตลาด อัตราการเติบโตจะเร่งตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ บริษัทที่ปรึกษาทางการเงินบางแห่งยังระบุว่า ภายในปี 2030 มูลค่าตลาดของ RWA อาจขยายตัวเพิ่มขึ้น ‘ถึง 50 เท่า’ และอาจมีมูลค่าสูงสุดถึง 30 ล้านล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 4.35 พันล้านล้านวอน