บิตคอยน์(BTC) พุ่งขึ้น 99% ในปีนี้ แม้ระยะสั้นอัลท์คอยน์แซงหน้าด้วยสัดส่วนเทรด 85.2%

แม้บิตคอยน์(BTC)จะปรับตัวลง 2.7% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา แต่หากดูในภาพรวมตลอดทั้งปี ยังคงทะยานขึ้นกว่า 99% สะท้อนสถานะของสกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าตลาดสูงสุดได้อย่างชัดเจน โดยในปีนี้เพียงปีเดียว ราคาของบิตคอยน์พุ่งขึ้นเกือบเท่าตัว เป็นสัญญาณถึงแรงหนุนที่ยังแข็งแกร่งในท่ามกลางความผันผวนของตลาด

จากข้อมูลของ CoinGecko บิตคอยน์เคยแตะระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 124,533 ดอลลาร์ (ราว 17.3 ล้านบาท) เมื่อเดือนสิงหาคม ก่อนจะอ่อนตัวลงมาที่ 109,907 ดอลลาร์ (ราว 15.2 ล้านบาท) ในวันที่ 1 กันยายน และฟื้นตัวกลับขึ้นไปแตะระดับ 116,833 ดอลลาร์ (ราว 16.2 ล้านบาท) เมื่อวันที่ 12 โดยล่าสุด บิตคอยน์เคลื่อนไหวในกรอบ 114,395-116,833 ดอลลาร์ ท่ามกลางการจับตาการประชุมกำหนดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed)

ในช่วงที่ตลาดอยู่ในโหมดรอดูทิศทางนั้น ฝั่ง *อัลท์คอยน์* กลับขยับเข้ายึดพื้นที่ในตลาดการซื้อขายล่วงหน้าได้มากขึ้น โดย *ครองสัดส่วนมากถึง 85.2% ของปริมาณการซื้อขายทั้งหมด* ซึ่งสูงกว่าบิตคอยน์ ตามการวิเคราะห์ล่าสุดของ Maartunn จาก CryptoQuant เขาชี้ว่าเม็ดเงินเก็งกำไรกำลังไหลเข้าสู่สกุลเงินทางเลือกอย่างอีเธอเรียม(ETH) มากยิ่งขึ้น นับว่าเป็นผลจากแรงขายทำกำไรเล็กน้อยในบิตคอยน์ และภาวะระมัดระวังที่เกิดขึ้นก่อนการประชุม Fed

ถึงแม้กระแสของอัลท์คอยน์จะเด่นขึ้นในช่วงสั้น แต่ในระยะยาว บิตคอยน์ก็ยังคงแสดงสถานะของสินทรัพย์ที่แข็งแกร่ง ราคาล่าสุดอยู่ที่ 114,992 ดอลลาร์ (ราว 15.2 ล้านบาท) โดยให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าสินทรัพย์หลักตัวอื่นภายในช่วงเวลา 1 ปี ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญมองว่าสถานการณ์เศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนในสหรัฐฯ และความพยายามหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในทั่วโลก กำลังนำเงินทุนกลับเข้าหา ‘ทองคำดิจิทัล’ อย่างบิตคอยน์

นอกจากนี้ ยังมีการประเมินว่าแม้การเทรดของอัลท์คอยน์จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่ได้กระทบ “*อิทธิพลหลัก*” ของบิตคอยน์ในตลาดโดยรวม โดยเฉพาะในสายตาของนักลงทุนสถาบันที่ยังคงมองบิตคอยน์เป็นทรัพย์สินปลอดภัย และเป็นทางเลือกในการลงทุนระยะยาว

ความเคลื่อนไหวของตลาดในช่วงถัดไปจึงขึ้นอยู่กับผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐ (FOMC) ที่กำลังจะมีขึ้นในสัปดาห์นี้ ซึ่งอาจกำหนดทิศทางของทั้งบิตคอยน์และตลาดคริปโตโดยรวม ว่าจะกลับเข้าสู่รอบขาขึ้นรอบใหม่ตามเงินทุนขนาดใหญ่ หรือปล่อยให้อัลท์คอยน์นำเกมต่อไปในภาวะหมุนเวียนการลงทุนแบบระยะสั้น