ออสเตรเลียเปิดทางสเตเบิลคอยน์ โตได้ไม่ต้องขอใบอนุญาตใหม่ ภายใต้กรอบควบคุมของ ASIC

หน่วยงานกำกับดูแลการเงินของออสเตรเลียเดินหน้าเปิดทางให้อุตสาหกรรม ‘สเตเบิลคอยน์’ เติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการออกข้อยกเว้นใหม่สำหรับการดำเนินกิจกรรมทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทนี้

เมื่อวันที่ 24 หน่วยงานกำกับดูแลหลักทรัพย์และการลงทุนของออสเตรเลีย(ASIC) ได้ประกาศใช้ข้อกำหนดใหม่ชื่อว่า ‘ข้อยกเว้นการให้บริการสเตเบิลคอยน์ 2025/631’ ซึ่งเปิดโอกาสให้ *ตัวกลางที่ทำหน้าที่กระจายสเตเบิลคอยน์ที่ออกโดยบริษัทที่มีใบอนุญาตบริการทางการเงินของออสเตรเลีย (AFS)* สามารถดำเนินกิจกรรมได้โดยไม่ต้องมีใบอนุญาตใหม่เพิ่มเติม อย่างเป็นทางการ

ความเคลื่อนไหวดังกล่าว สะท้อนถึงจุดยืนของ *ASIC* ที่ต้องการกระตุ้น ‘นวัตกรรมที่มีความรับผิดชอบ’ ในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล ควบคู่กับการ ‘ปกป้องผู้บริโภค’ ผ่านโครงสร้างกำกับดูแลที่ยืดหยุ่นแต่ยังมีมาตรฐาน

ข้อยกเว้นใหม่นี้ครอบคลุมเฉพาะ *สเตเบิลคอยน์ที่เข้าเงื่อนไขตามกฎหมายว่าเป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงิน และต้องออกโดยบริษัทที่ถือใบอนุญาต AFS* เท่านั้น โดยในขณะนี้ *AUDM* ซึ่งเป็นสเตเบิลคอยน์ที่ออกโดยบริษัท *Catena Digital Pty* เป็นเหรียญเดียวที่ได้รับประโยชน์จากข้อยกเว้นนี้ อย่างไรก็ตาม *ASIC* ระบุว่า หากมีผู้ออกเหรียญเพิ่มเติมที่ได้รับใบอนุญาต AFS ครบถ้วน ก็อาจได้รับการพิจารณาในอนาคต

ด้านขอบเขตของบริการทางการเงินที่ได้รับข้อยกเว้น ประกอบด้วย *การให้คำแนะนำด้านการลงทุนทั่วไป, การทำหน้าที่เป็นตลาดรอง(Market Making), การกระจายสเตเบิลคอยน์ (ไม่รวมการออกเหรียญ), และการให้บริการดูแลสินทรัพย์ (Custody Service)* โดยไม่จำเป็นต้องดำเนินการขอใบอนุญาตเฉพาะทางเพิ่มเติม อาทิ ใบอนุญาต AFS หรือใบอนุญาตโครงสร้างชำระเงิน

ASIC ระบุว่า “ข้อตกลงใหม่นี้ มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการเติบโตของอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล ภายใต้กรอบที่มีโครงสร้างชัดเจนและเชื่อถือได้” พร้อมทั้งย้ำว่า “การสนับสนุนผู้ประกอบการที่มีความรับผิดชอบ จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของ *นวัตกรรมในระบบการเงินยุคดิจิทัล*”

สำหรับออสเตรเลีย ถือเป็นหนึ่งในประเทศที่กิจกรรมเกี่ยวกับคริปโตมีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการที่แพลตฟอร์มระดับโลกอย่าง *คอยน์เบส(Coinbase)* และ *OKX* เริ่มรุกธุรกิจเชิงลึกในภาคบริการการเงิน เช่น ตลาดบำนาญ ผู้เชี่ยวชาญมองว่า แนวทางของ ASIC ในการปรับโครงสร้างกฎเกณฑ์ข้างต้น เป็นการเตรียมวาง ‘รากฐานทางกฎหมายและความน่าเชื่อถือ’ ให้กับโลกคริปโตในประเทศอย่างเป็นระบบ