มอร์แกน สแตนลีย์(MS) ทุ่ม 100 ล้านดอลลาร์ เปิดเทรดบิตคอยน์(BTC) ผ่าน E-Trade กลางปี 2026

มอร์แกน สแตนลีย์(MS) ธนาคารเพื่อการลงทุนรายใหญ่ของโลก เตรียมเปิดให้บริการซื้อขาย *บิตคอยน์(BTC)* ผ่านบริษัทลูกอย่าง *E-Trade* ภายในครึ่งปีแรกของปี 2026 แผนการนี้สะท้อนแนวโน้มที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในหมู่สถาบันการเงินแบบดั้งเดิมซึ่งกำลังหันมาสนใจ *สินทรัพย์ดิจิทัล* มากขึ้น โดยเฉพาะในหมู่ผู้เล่นรายใหญ่บนวอลล์สตรีท

โครงการใหม่นี้จะดำเนินการร่วมกับ *ZeroHash* บริษัทที่เชี่ยวชาญด้านโครงสร้างพื้นฐานของสินทรัพย์ดิจิทัล โดยมอร์แกน สแตนลีย์วางแผนลงทุนโดยตรงกว่า 100 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.39 พันล้านบาท) เพื่อสนับสนุนระบบซื้อขายและการชำระบัญชี โดยเงินทุนก้อนนี้ได้จากการระดมทุนที่มีสถาบันเข้าร่วมหลายราย เช่น Interactive Brokers, โซไฟ(SoFi), Jump Trading และ Apollo Global Management ซึ่งประเมินมูลค่าบริษัท ZeroHash ไว้ที่ระดับ 1 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.39 หมื่นล้านบาท)

แมทธิว ซิเกล(Matthew Sigel) นักวิเคราะห์กลยุทธ์สินทรัพย์ดิจิทัลระดับโลก ได้โพสต์ผ่าน X (อดีต Twitter) ว่า บริการซื้อขายบิตคอยน์ดังกล่าวจะเริ่มเปิดใช้งานได้เร็วที่สุดในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2026 ทั้งนี้ มอร์แกน สแตนลีย์ถือเป็นหนึ่งในธนาคารรายแรก ๆ ที่เข้าสู่ตลาดนี้ โดยเริ่มลงทุนในบิตคอยน์ผ่านกองทุนระดับสถาบันมาตั้งแต่ปี 2021 และมีสัญญาณชัดเจนตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ว่าอาจพัฒนา *ธุรกิจคริปโต* เพิ่มเติม

การตัดสินใจครั้งนี้ยังได้รับแรงหนุนจากภาพรวมการกำกับดูแลคริปโตในสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มชัดเจนขึ้นภายใต้รัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งช่วยลดความไม่แน่นอนทางกฎหมายและกระตุ้นให้สถาบันการเงินเข้าสู่ตลาดอย่างจริงจังมากขึ้น ความเปลี่ยนแปลงนี้กำลังนำพาให้สินทรัพย์ดิจิทัลกลายเป็น ‘องค์ประกอบหลัก’ ในพอร์ตการเงินของสถาบันวอลล์สตรีท

*ความสนใจในคริปโตจากภาคการเงินดั้งเดิมไม่ได้จำกัดอยู่แค่เพียงมอร์แกน สแตนลีย์* ล่าสุด เจพี มอร์แกน เชส(JPM) ได้ลงนามความร่วมมือกับ *Coinbase* เพื่อเปิดบริการชำระเงินและแลกรางวัลผ่านบัตรเชส ในแพลตฟอร์มของ Coinbase โดยมีแผนจะเริ่มใช้งานตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไป

ขณะเดียวกัน สจวร์ต อัลเดอโรตี(Stuart Alderoty) หัวหน้าฝ่ายกฎหมายของริปเปิล(XRP) มองว่า อุปสรรคสำคัญที่ขัดขวางการเป็นที่ยอมรับของ *สินทรัพย์ดิจิทัล* คือ ‘ความเข้าใจผิด’ และ ‘ข้อมูลที่ไม่เพียงพอ’ ซึ่งเป็นเหตุผลที่จำเป็นต้องมีการให้ความรู้และสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับศักยภาพของเทคโนโลยีนี้

ภาพรวมปัจจุบันบ่งชี้อย่างชัดเจนว่า สถาบันการเงินดั้งเดิมกำลังขยับเข้ามาร่วมผลักดันโลกคริปโตอย่างจริงจัง และมีแนวโน้มที่ *สินทรัพย์ดิจิทัล* จะกลายเป็นศูนย์กลางใหม่ของระบบการเงินในอนาคตเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ ความเปลี่ยนแปลงนี้ไม่เพียงสร้างโอกาสทางธุรกิจ แต่ยังอาจพลิกโฉมตลาดการเงินทั้งระบบในระยะยาวอีกด้วย