บิตคอยน์(BTC) ร่วงแตะ 120,000 ดอลลาร์ นักลงทุนเริ่มลดเลเวอเรจ หวั่นตลาดพักฐาน

บิตคอยน์(BTC) ปรับตัวลดลงมาอยู่ในระดับประมาณ 120,000 ดอลลาร์ หรือราว 1.67 ล้านบาท ส่งผลให้ตลาดกลับมาสู่บรรยากาศที่ ‘ระมัดระวัง’ หลังจากที่ราคาพุ่งขึ้นต่อเนื่องตลอดช่วง 10 วันที่ผ่านมา ผู้ลงทุนจำนวนหนึ่งเริ่มชะลอความเคลื่อนไหว ขณะที่ข้อมูลจากตลาดอนุพันธ์ของไบแนนซ์เผยให้เห็นว่า ‘มูลค่าสัญญาคงค้าง(open interest)’ ลดลงถึง 7.9% ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าเป็นสัญญาณของการลดเลเวอเรจและบริหารความเสี่ยง โดยอธิบายว่าเป็นกระบวนการปรับฐานหลังจากภาวะตลาดร้อนแรงในระยะสั้น

ข้อมูลจากนักวิเคราะห์นิรนามชื่อ อาหรับ เชน(Arab Chain) จากแพลตฟอร์มคริปโตควอนต์(CryptoQuant) เผยว่า มูลค่าสัญญาคงค้างในตลาดอนุพันธ์ของบิตคอยน์ลดลงจากระดับ 15.007 พันล้านดอลลาร์ เหลือ 13.88 พันล้านดอลลาร์ภายในเวลาเพียง 3 วัน ซึ่งคิดเป็นราว 1.92 ล้านล้านบาท การลดลงนี้เป็นผลจากการที่นักลงทุนบางรายเลือกทำกำไรหรือจำกัดการขาดทุน ส่งผลให้สภาพตลาดเริ่มเปลี่ยนจากความคึกคักมาเป็น ‘ระวังตัว’

ก่อนหน้านี้ บิตคอยน์ทำสถิติใหม่โดยพุ่งจาก 108,000 ดอลลาร์ สู่ระดับ 126,000 ดอลลาร์ หรือเพิ่มขึ้นกว่า 17% ภายใน 10 วัน อย่างไรก็ตาม การไหลเข้าของปริมาณการซื้อขายที่ลดลง และการหดตัวของมูลค่าสัญญาคงค้าง ชี้ให้เห็นว่าความเคลื่อนไหวของราคาที่ผ่านมาอาจได้แรงหนุนจากเลเวอเรจและการปิดสถานะชอร์ต (short covering) มากกว่าจากเม็ดเงินใหม่ที่ไหลเข้าจริง อาหรับ เชน ให้ความเห็นว่า “แนวโน้มของราคาและสัญญาคงค้างในตอนนี้ สื่อว่าเราอาจอยู่ในช่วงปลายของรอบเก็งกำไรระยะสั้น มากกว่าเป็นช่วงที่มีแรงซื้อจากนักลงทุนระยะยาว”

ตามรายงานของ CoinGecko ขณะนี้ราคาบิตคอยน์เคลื่อนไหวอยู่ที่ราว 122,778 ดอลลาร์ หรือลดลง 0.1% เมื่อเทียบกับวันก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม หากมองในระดับสัปดาห์ยังอยู่ในแดนบวกที่ 3.3% และหากประเมินย้อนหลัง 2 สัปดาห์ก็ยังเพิ่มขึ้นถึง 10% สะท้อนว่า ‘แนวโน้มขาขึ้นในระยะกลางยังไม่จบ’ ด้านการวิเคราะห์เชิงเทคนิค ระบุว่า ช่วงของเส้น ‘Bolinger Bands’ เริ่มแคบลงมาถึงระดับต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งชี้ให้เห็นว่าการเคลื่อนไหวราคาในอนาคตมีแนวโน้มจะผันผวนอย่างรุนแรง นักวิเคราะห์ โทนี เซเวริโน(Tony Severino) เผยว่า “ในอดีต เมื่อแบนด์หดแคบมาก ก็มักนำไปสู่แรงซื้อหรือแรงขายขนาดใหญ่ในช่วงไม่กี่สัปดาห์หรือเป็นเดือนหลังจากนั้น”

แม้ว่าจะมีความเห็นที่ต่างกันว่า ‘การพักฐานครั้งนี้เป็นเพียงระยะสั้น หรือเป็นสัญญาณสิ้นสุดของแนวโน้มขาขึ้นระยะยาว’ แต่หลายฝ่ายยังมีท่าทีเชิงบวก โดยเฉพาะเมื่อตลาดยังเห็นการซื้ออย่างต่อเนื่องจากกลุ่มนักลงทุนสถาบัน มิสเตอร์ วอลล์สตรีท(Mr. Wall Street) ให้ความเห็นว่า “แบล็คร็อกและสถาบันใหญ่ยังคงสะสมบิตคอยน์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแรงเชิงบวกยังไม่หมด” พร้อมทั้งกล่าวว่า “การลดลงของมูลค่าสัญญาคงค้างและความผันผวนต่ำนั้น อาจเป็นสัญญาณว่าตลาดกำลังรวบรวมพลังเพื่อเตรียมตัวขึ้นรอบใหม่ก็ได้”

การปรับสถานะที่เกิดขึ้นในเวลานี้ อาจเป็นการวางรากฐานสำหรับการเติบโตระยะยาวของบิตคอยน์ จากมุมมองเชิงกลยุทธ์ ‘การระมัดระวังของผู้เล่นในตลาด’ ทำให้โอกาสเกิดภาวะฟองสบู่ลดลง และทิ้งช่องว่างให้สภาพคล่องกลับมาได้รวดเร็วหากมีข่าวบวกเกิดขึ้นในอนาคต นับเป็นจังหวะที่สมควรจับตามองเป็นอย่างยิ่ง