เงินทุนไหลเข้า ETP คริปโตทะลุ 3.17 พันล้านดอลลาร์ แม้ตลาดผันผวนจากคำพูดทรัมป์

แม้ตลาดคริปโตจะเผชิญกับความผันผวนอย่างรุนแรงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา แต่กระแสเม็ดเงินลงทุนยังคงแข็งแกร่ง โดยข้อมูลล่าสุดจากบริษัทจัดการข้อมูลการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลอย่าง CoinShares เปิดเผยว่า นักลงทุนยังคงหลั่งไหลเงินทุนเข้าสู่ ‘สินค้าลงทุนในคริปโตที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์(ETP)’ รวมมูลค่าทั้งสัปดาห์กว่า 3.17 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 4.4 หมื่นล้านบาท) ท่ามกลางสถานการณ์ตลาดที่ได้รับแรงกดดันจากคำกล่าวของประธานาธิบดีทรัมป์เกี่ยวกับการพิจารณาขึ้นภาษีนำเข้าจากจีน ซึ่งเป็นปัจจัยจุดชนวนให้เกิดการปรับฐานครั้งใหญ่

แม้ในวันที่ตลาดปั่นป่วนหนักอย่างวันศุกร์จะมีเงินทุนบางส่วนไหลออก แต่ก็อยู่ในระดับที่จำกัด โดย เจมส์ บัตเตอร์ฟิล(James Butterfill) หัวหน้าฝ่ายวิจัยของ CoinShares ระบุว่า มีจำนวนเงินไหลออกราว 159 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2.2 พันล้านบาท) ในวันเดียว แต่เมื่อเทียบกับเม็ดเงินที่ไหลเข้าสุทธิแล้ว ถือว่า ‘ไม่ใช่ตัวเลขที่น่ากังวล’ พร้อมเสริมว่าสินค้าลงทุนในคริปโตยังคงแสดงให้เห็นถึง ‘ความยืดหยุ่น’ แม้เกิดเหตุการณ์บังคับขายมูลค่าหลายสิบล้านดอลลาร์ในตลาดก็ตาม

เมื่อรวมกับตัวเลขล่าสุด ทำให้เม็ดเงินสุทธิที่หลั่งไหลเข้าสู่สินค้าลงทุนในคริปโตตั้งแต่ต้นปีทะลุ 48.7 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 6.7 แสนล้านบาท) แซงหน้าตัวเลขสะสมทั้งปีของปีก่อน ซึ่งเป็นการยืนยันถึง ‘การฟื้นตัวของความเชื่อมั่นในตลาด’ ตามมุมมองของผู้เชี่ยวชาญในแวดวง

อีกหนึ่งสถิติที่โดดเด่นในสัปดาห์เดียวกันคือ ปริมาณการซื้อขายของสินค้าลงทุนในคริปโตที่ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดย CoinShares รายงานว่า มีมูลค่าการซื้อขายรวม 53 พันล้านดอลลาร์ (ราว 7.3 แสนล้านบาท) ตลอดทั้งสัปดาห์ และเพียงแค่ในวันศุกร์เพียงวันเดียวก็มีการซื้อขายสูงถึง 15.3 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2.1 แสนล้านบาท) แม้ว่า ‘มูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร(AUM)’ จะลดลงจาก 254 พันล้านดอลลาร์ มาอยู่ที่ 242 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3.3 แสนล้านบาท) ซึ่งเป็นผลกระทบจากราคาสินทรัพย์ที่ปรับตัวลดลง

ขณะที่กองทุนคริปโตที่เกี่ยวข้องกับบิตคอยน์(BTC) ยังคงเป็นแม่เหล็กดึงดูดเงินทุนมากที่สุด โดยมีเงินไหลเข้าสุทธิตลอดทั้งสัปดาห์มากถึง 2.7 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3.7 หมื่นล้านบาท) ส่งผลให้ยอดสุทธินับตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 30.2 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 4.1 แสนล้านบาท) แม้ยังต่ำกว่าตัวเลขตลอดทั้งปี 2023 ที่อยู่ที่ 41.7 พันล้านดอลลาร์ (ราว 5.7 แสนล้านบาท) ราว 30%

ความคิดเห็น: สิ่งที่น่าสนใจในกรณีนี้คือ ความ ‘เชื่อมั่น’ ของนักลงทุนสถาบันที่ยังเข้าซื้ออย่างต่อเนื่องแม้มีแรงกดดันจากคำพูดของทรัมป์ ทั้งยังมีสัญญาณว่า สภาพคล่องในตลาดกำลังกลับมา ซึ่งอาจเป็นปัจจัยบวกต่อแนวโน้มในระยะกลางและยาว