OKX จับมือสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ขยายบริการรับฝากคริปโตในยุโรป หนุนความมั่นใจนักลงทุนสถาบัน

สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด(Standard Chartered) ประกาศขยายความร่วมมือกับ OKX แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตระดับโลก โดยรับหน้าที่เป็นพาร์ตเนอร์ด้านการรับฝากสินทรัพย์สำหรับนักลงทุนสถาบันในเขตเศรษฐกิจยุโรป (EEA) ซึ่งจะเปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถเก็บรักษาสินทรัพย์ดิจิทัลไว้ที่บริการรับฝากของธนาคารโดยตรง พร้อมใช้ฟีเจอร์ ‘โปรแกรมสะท้อนหลักประกัน (collateral mirroring program)’ เพื่อทำธุรกรรมผ่านแพลตฟอร์มของ OKX

เมื่อวันที่ 3 OKX เปิดเผยผ่านบล็อกอย่างเป็นทางการว่า โปรแกรมดังกล่าวมีการทดลองใช้ครั้งแรกที่ดูไบเมื่อเมษายนที่ผ่านมา และครั้งนี้ถือเป็นการต่อยอดในระดับภูมิภาคอย่างเป็นทางการ โปรแกรมนี้ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถนำคริปโตที่ถืออยู่ไปฝากไว้กับธนาคารสำคัญระดับโลก (Global Systemically Important Bank: G-SIB) อย่าง *สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด* จากนั้นระบบจะส่งข้อมูลหลักประกันแบบเรียลไทม์มายังแพลตฟอร์มของ OKX เพื่อใช้ประกอบการทำธุรกรรม

ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ทำให้ OKX สามารถมอบทั้ง *ความปลอดภัย ความโปร่งใส และความคล่องตัวในการเทรด* ให้กับผู้ใช้ได้ในเวลาเดียวกัน โดยเฉพาะฝั่งนักลงทุนสถาบันที่ต้องการความเชื่อมั่นในการจัดการความเสี่ยงจากทั้งในตลาดแบบกระจายศูนย์ (DEX) และแบบรวมศูนย์ (CEX) สามารถใช้บริการฝากสินทรัพย์กับธนาคารระดับโลกอย่างสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด เพื่อเพิ่มความมั่นใจด้านการควบคุมภายในได้อีกระดับ

การขยายตัวเข้าสู่ยุโรปครั้งนี้เกิดขึ้นภายหลัง OKX ได้รับใบอนุญาตอย่างเป็นทางการจากประเทศมอลตาในช่วงครึ่งปีแรก ภายใต้กฎหมายควบคุมสินทรัพย์ดิจิทัลของสหภาพยุโรป หรือ *กฎหมายตลาดสินทรัพย์คริปโต (MiCA)* ซึ่งสะท้อนท่าทีเชิงกลยุทธ์ของบริษัทในการขยายพื้นที่ให้บริการบนพื้นฐานของการปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมายอย่างเคร่งครัด

ก่อนหน้านี้ ลูกค้าสถาบันของ OKX ส่วนใหญ่เลือกใช้ระบบรับฝากสินทรัพย์ภายในของแพลตฟอร์ม และใช้ธนาคารทั่วไปในการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับเงินเฟียต แต่ด้วยความร่วมมือใหม่ครั้งนี้ ลูกค้าจะมีทางเลือกเพิ่มเติมในการฝากสินทรัพย์กับบุคคลที่สามอย่าง คอปเปอร์(Copper), โคไมน์นู(Komainu) หรือแม้แต่ *สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด* ในกรณีที่ต้องการบริหารจัดการสินทรัพย์แบบ off-exchange

ความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญระบุว่า “ความร่วมมือระหว่าง OKX และ สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด จะช่วยลดความเสี่ยงของการซื้อขายในตลาดคริปโต ซึ่งถือเป็นหนึ่งในปัจจัยที่นักลงทุนสถาบันกังวลมากที่สุด” พร้อมเสริมว่า “โมเดลความร่วมมือในลักษณะนี้มีแนวโน้มจะขยายไปยังตลาดในเอเชียและอเมริกาเหนือในอนาคต โดยเริ่มต้นจากยุโรปเป็นกรณีตัวอย่าง”