นักวิเคราะห์ชี้จีนใช้แร่หายากโจมตีระบบดอลลาร์ ดันบิตคอยน์(BTC) ขึ้นแท่นสินทรัพย์ทางเลือก

นักวิเคราะห์ชี้ดอลลาร์สหรัฐกำลังเผชิญวิกฤติศรัทธา เมื่อจีนใช้ข้อจำกัดการส่งออกแร่หายากเป็นเครื่องมือโจมตีจุดอ่อนของระบบดอลลาร์ ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐที่ทวีความรุนแรงขึ้น

ลุค โกรเมน(Luke Gromen) นักลงทุนและนักวิเคราะห์การเงินจากสหรัฐ เปิดเผยผ่านพอดแคสต์ชื่อ ‘Truth For the Commoner(TFTC)’ เมื่อเร็วๆ นี้ว่า การเคลื่อนไหวของจีนครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการตอบโต้ทางเศรษฐกิจ แต่เป็นการใช้ ‘กลยุทธ์เชิงรุก’ ที่มุ่งโจมตี ‘ระบบดอลลาร์’ โดยตรง เขาระบุว่าจีนได้จำกัดการส่งออกแร่หายากให้กับบริษัทที่เกี่ยวพันกับอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของสหรัฐ ซึ่งถือเป็นการ ‘ท้าทายโครงสร้างดอลลาร์ในฐานะเงินสำรองโลก’ ที่ขับเคลื่อนด้วยกำลังทางทหารของสหรัฐมาอย่างยาวนาน

ในการตอบโต้ทันที ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศจะเรียกเก็บ ‘ภาษีนำเข้าเพิ่มอีก 100%’ สำหรับสินค้าจากจีน ซึ่งสะท้อนความตึงเครียดที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วในสมรภูมิการค้าระหว่างสองประเทศมหาอำนาจ โกรเมนกล่าวเพิ่มเติมว่า เหตุการณ์นี้สะท้อนถึง ‘อำนาจต่อรองของจีนที่ผู้เชี่ยวชาญในโลกตะวันตกมักมองข้าม’ และย้อนไปถึงกรณีในอดีตเช่น การบุกอิรักในยุคซัดดัม ฮุสเซน และการโค่นล้มมูอัมมาร์ กัดดาฟี ซึ่งเขามองว่าเป็นตัวอย่างที่สหรัฐใช้กำลังจัดการกับผู้นำที่แทรกแซงระบบเงินตราโลก

แร่หายากถือเป็นทรัพยากรสำคัญในการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น สมาร์ตโฟน, ชิปเซมิคอนดักเตอร์, แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า และที่สำคัญคือ ‘ระบบอาวุธและจรวดนำวิถี’ ของกองทัพสหรัฐ การที่จีนจำกัดการส่งออก จึงถูกมองว่าเป็นการเปิดฉาก ‘สงครามเชิงยุทธศาสตร์’ ที่มุ่งรุกไล่อิทธิพลของสหรัฐในด้านการทหารและเทคโนโลยีอย่างเป็นรูปธรรม

นักวิเคราะห์ตลาดจำนวนหนึ่งยังประเมินว่า หากความขัดแย้งยืดเยื้อ ‘บิตคอยน์(BTC)’ และ ‘ทองคำ’ ในฐานะ ‘สินทรัพย์ที่ไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐ’ อาจได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ความไม่แน่นอนในระบบเศรษฐกิจโลกแบบเดิม อาจผลักดันให้นักลงทุนหันไปสู่ ‘สินทรัพย์แบบกระจายศูนย์’ มากขึ้น ความเชื่อนี้สอดคล้องกับแนวโน้มที่กำลังพัฒนา ซึ่งมองว่า ‘อนาคตของเงิน’ อาจไม่ได้อยู่ในมือของรัฐอีกต่อไป แต่ในระบบนิเวศดิจิทัลที่ลดบทบาทมหาอำนาจดั้งเดิมลงเรื่อยๆ