ราคาทองคำร่วงหนัก 2.5 ล้านล้านดอลลาร์—มูลค่าหายเกินทั้งระบบบิตคอยน์(BTC)

ราคาทองคำ ซึ่งถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ราคาดิ่งลงอย่างรวดเร็วภายในวันเดียว ส่งผลให้มูลค่าตลาดหายไปหลายล้านล้านดอลลาร์ โดยมูลค่าความเสียหายครั้งนี้สูงกว่ามูลค่ารวมของ บิตคอยน์(BTC) ทั้งระบบ

เมื่อวันที่ 24 ตามรายงานของบริษัทวิเคราะห์ตลาด โคบิซิ เลตเตอร์(The Kobeissi Letter) ระบุว่า *ตลาดทองคำได้เผชิญกับแรงเทขายหนักต่อเนื่องตลอดสองวัน ส่งผลให้มูลค่าตลาดรวมลดลงถึง 2.5 ล้านล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3,475 ล้านล้านวอน)* นับเป็นการร่วงลงมากที่สุดภายในระยะเวลา 2 วันนับตั้งแต่ปี 2013 สาเหตุสำคัญมาจากการที่ราคาทองคำพุ่งขึ้นเกือบ 60% ในช่วงสั้น ทำให้นักลงทุนแห่เข้าสะสมทองเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อและความไม่แน่นอนในตลาด ก่อนที่กระแสดังกล่าวจะพลิกกลับอย่างรุนแรง

ราคาทองที่ร่วงลงถึง 8% ภายในวันเดียว สร้างความกังวลอย่างมากในวงการลงทุน เนื่องจากทองคำถือเป็น “สินทรัพย์ปลอดภัย” ที่ไม่ควรเคลื่อนไหวรุนแรงเช่นนี้ ขณะที่ในโลกคริปโต บิตคอยน์(BTC) ซึ่งถูกขนานนามว่า "ทองคำดิจิทัล" มักมีการแกว่งตัวสองหลักในแต่ละวันเป็นเรื่องปกติ แต่การร่วงของราคาทองในครั้งนี้ สะท้อนถึงความเป็นจริงที่ว่า *ไม่มีสินทรัพย์ใดแม้แต่ทองจะปลอดภัยจากแรงเทขายที่รุนแรง*

อเล็กซานเดอร์ ชทัล(Alexander Stahel) นักลงทุนด้านทรัพยากรในสวิตเซอร์แลนด์ ชี้ว่าการปรับฐานครั้งนี้ *มีโอกาสเกิดขึ้นเพียงหนึ่งครั้งในทุกๆ 240,000 วัน* ถือเป็นสถานการณ์ที่หายากอย่างยิ่ง เขาเสริมอีกว่า “วันนี้ทองสอนบทเรียนสำคัญด้านสถิติ” โดยอ้างว่า ตั้งแต่ปี 1971 เป็นต้นมา ทองเคยเผชิญสถานการณ์ลักษณะนี้มาทั้งหมด 21 ครั้ง

ชทัลยังระบุว่าปัจจัยสำคัญที่อยู่เบื้องหลังการตกลงของราคาทองคือ *ภาวะ FOMO (ความกลัวที่จะพลาดโอกาส)* ซึ่งผลักดันให้นักลงทุนแห่เข้าสู่สินทรัพย์เกี่ยวกับทองคำอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นหุ้นเหมืองทอง ทองคำแท่ง หรือทองในรูปแบบโทเคน ความร้อนแรงของตลาดที่เกินเหตุจึงจบลงด้วยการปรับตัวลงอย่างรุนแรง

ทั้งนี้ ความผันผวนของราคาทองครั้งใหญ่ยัง *เชื่อมโยงกับนโยบายที่ไม่ชัดเจนของทรัมป์ อัตราดอกเบี้ยนโยบายทั่วโลก และความเคลื่อนไหวของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ* ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะส่งผลกระทบต่อโครงสร้างความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อสินทรัพย์ปลอดภัยหลักในระยะยาว