เวสเทิร์นยูเนียนเปิดตัวสเตเบิลคอยน์ USDPT บนโซลานา(SOL) ลุยตลาดคริปโตเต็มรูปแบบ

เวสเทิร์นยูเนียน(Western Union) บริษัทการเงินระดับโลกซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในเดนเวอร์ เตรียมเปิดตัวสเตเบิลคอยน์บนบล็อกเชนโซลานา(SOL) ภายใต้ชื่อว่า ‘โทเคนชำระเงินดอลลาร์สหรัฐ’ หรือ USDPT โดยจะมีการอิงมูลค่ากับดอลลาร์สหรัฐแบบ 1:1 และวางแผนเริ่มใช้งานได้จริงเร็วที่สุดภายในปีหน้า

เมื่อวันที่ 24 ตามรายงานของ Wall Street Journal เวสเทิร์นยูเนียนมีแผนเข้าสู่ ‘ตลาดการชำระเงินด้วยคริปโตอย่างเต็มรูปแบบ’ ผ่านการเปิดตัวสเตเบิลคอยน์นี้ โดยบริษัทระบุว่าสินทรัพย์ใหม่นี้จะเป็น “จุดเริ่มต้นของบทใหม่” สำหรับบริการของตน ซึ่งอาจเปลี่ยนโฉมการโอนเงินและการชำระเงินระหว่างประเทศให้มี ‘ความรวดเร็วและต้นทุนต่ำกว่าเดิม’

เวสเทิร์นยูเนียนก่อตั้งในปี 1861 ด้วยการสร้างเครือข่ายโทรเลขข้ามทวีปเป็นเจ้าแรกของสหรัฐฯ ก่อนจะพัฒนาเป็นหนึ่งในบริษัทการเงินที่มีเครือข่ายส่งเงินทั่วโลก ปัจจุบันมีลูกค้าเกือบ 100 ล้านคนทั่วโลก การก้าวเข้าสู่ตลาดคริปโตของบริษัทจึงถือเป็น ‘สัญลักษณ์ของการเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมการเงินแบบดั้งเดิม’ ไปสู่ยุคดิจิทัลอย่างมีนัยสำคัญ

การเลือกใช้ *โซลานา* เป็นบล็อกเชนพื้นฐานก็เป็นอีกประเด็นที่ได้รับความสนใจ ด้วยชื่อเสียงด้าน ‘ความเร็วในการประมวลผลสูง’ และ ‘ค่าธรรมเนียมต่ำ’ โซลานาจึงถูกมองว่าเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่เหมาะสมสำหรับการทำธุรกรรมขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นหัวใจหลักของธุรกิจระดับโลกอย่างเวสเทิร์นยูเนียน

เดวิน แมคกรานาฮาน(Devin McGranahan) ซีอีโอของเวสเทิร์นยูเนียนกล่าวว่า “การเปลี่ยนผ่านสู่การเงินดิจิทัลไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป แต่มันคือเงื่อนไขของการอยู่รอด” พร้อมทั้งระบุว่า การผนวกเทคโนโลยีบล็อกเชนและสเตเบิลคอยน์คือ ‘บทต่อไปของการเติบโตของบริษัท’

ในมุมของนักวิเคราะห์ ความเคลื่อนไหวครั้งนี้สะท้อนว่า ‘เส้นแบ่งระหว่างการเงินดั้งเดิมกับสินทรัพย์ดิจิทัลเริ่มเลือนราง’ และอาจผลักดันให้สถาบันการเงินรายอื่นเริ่มออกสเตเบิลคอยน์ของตนเองมากขึ้น ทั้งนี้ เวสเทิร์นยูเนียนยังไม่เปิดเผยกำหนดการเปิดตัว USDPT อย่างเป็นทางการ รวมถึงรายละเอียดด้านกฎระเบียบ แต่ผู้เชี่ยวชาญเห็นตรงกันว่า ‘การออกแบบร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแลสหรัฐฯ’ จะเป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จของโครงการ

อีกด้านหนึ่ง โครงการนี้ยังสอดรับกับการผลักดันนโยบายการจัดระเบียบสเตเบิลคอยน์ในสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ ความร่วมมือจากบริษัทใหญ่เช่นเวสเทิร์นยูเนียน จึงอาจกลายเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาให้ระบบการเงินโลก ‘ยอมรับคริปโตมากขึ้นในระดับการใช้งานจริง’ อย่างเป็นรูปธรรม