a16z ชี้ ‘อาร์เคดโทเคน’ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการขยายตัวของอุตสาหกรรมคริปโต

โครงการในอุตสาหกรรมคริปโตควรพิจารณาการนำ ‘อาร์เคดโทเคน(arcade token)’ มาใช้ในลักษณะเดียวกับไมล์สะสมสายการบินหรือแต้มบัตรเครดิต ตามรายงานฉบับล่าสุดของบริษัทเงินร่วมลงทุนอันเดรสเซน โฮโรวิตซ์(a16z) ซึ่งระบุว่า โทเคนชนิดนี้อาจกลายเป็นเครื่องมือสำคัญต่อการขยายตัวของระบบนิเวศคริปโตในวงกว้าง

รายงานดังกล่าวได้ให้คำจำกัดความของ *อาร์เคดโทเคน* ว่าเป็นโทเคนที่สามารถคงมูลค่าไว้ภายในซอฟต์แวร์หรือบริการใดบริการหนึ่งได้ เช่นสกุลเงินในเกม คะแนนสะสมของบัตรเครดิต หรือไมล์ของสายการบิน โดยมีจุดมุ่งหมายหลักเพื่อประโยชน์ใช้สอย มากกว่าการใช้เป็น *การลงทุน* ซึ่งถือเป็นความแตกต่างที่สำคัญเมื่อเทียบกับโทเคนทั่วไปในตลาดคริปโต โดยรายงานระบุว่า “แม้ไม่เหมาะกับทุกสถานการณ์ แต่โทเคนชนิดนี้ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญต่อวิวัฒนาการของเครือข่ายคริปโต”

สก็อตต์ ดุ๊ก โคมามาส และเอดดี้ ลาซาริน ซึ่งร่วมเรียบเรียงรายงานจาก a16z ได้แสดงความเห็นว่า หาก *สเตเบิลคอยน์* สามารถเปิดโอกาสสู่รูปแบบการค้าขายใหม่ และ *เน็ตเวิร์กโทเคน* ใช้สนับสนุนการกระจายความเป็นเจ้าของและการบริหารจัดการแบบไร้ศูนย์กลาง *อาร์เคดโทเคน* ก็อาจกลายเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลในระดับมหภาค

หนึ่งในกรณีศึกษาที่ถูกนำเสนอคือสตาร์ทอัพด้านการชำระเงิน Web3 สำหรับร้านอาหารอย่างแบล็กเบิร์ด(Blackbird) ซึ่งใช้ *โทเคน $FLY* ที่ออกเอง เพื่อให้รางวัลแก่ผู้ใช้งาน โดยผู้ถือโทเคนสามารถใช้จ่ายภายในร้านอาหารพันธมิตรได้ทุกแห่ง ระบบนี้ทำงานบนเลเยอร์บล็อกเชนที่แยกต่างหาก โดยใช้เน็ตเวิร์กโทเคนเพื่อรองรับความปลอดภัยและให้แรงจูงใจกับผู้ให้บริการ ขณะที่ *อาร์เคดโทเคน* มุ่งเน้นในส่วนของผู้บริโภค

ทาง a16z ยังชี้ให้เห็นว่า โมเดลนี้อาจถูกปรับใช้กับเครือข่ายการประมวลผลแบบกระจายศูนย์ (decentralized computing network) ด้วยการแยกบทบาทชัดเจน โดยใช้เน็ตเวิร์กโทเคนสำหรับความปลอดภัยและสิ่งจูงใจ ขณะที่ *อาร์เคดโทเคน* ช่วยดึงดูดและอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้งาน

จุดแข็งของอาร์เคดโทเคนคือการที่ราคาสามารถตั้งโปรแกรมให้ผันผวนอย่างจำกัด และไม่คาบเกี่ยวกับสิทธิความเป็นเจ้าของหรือสิทธิ์ออกเสียง แต่กลับให้ ‘สิทธิ์การใช้งาน’ ใช้งานแอปพลิเคชันหรือบริการใดบริการหนึ่งแทน หากแพลตฟอร์มต่าง ๆ เลือกใช้โครงสร้างโทเคนเช่นนี้เพื่อลากฐานผู้ใช้งานและสร้างเอฟเฟกต์เครือข่าย ก็มีโอกาสสูงที่จะช่วย ‘ขยายฐานผู้ใช้งานของอุตสาหกรรมคริปโต’ และกระตุ้นปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้ใช้กับแพลตฟอร์มในระยะยาว