EthStorage ชี้ระบบคริปโตยังไม่ยืดหยุ่นพอ แม้บล็อกเชนจะกระจายอำนาจ

วงการคริปโตแม้จะพัฒนา ‘ความเป็นกระจายอำนาจ’ บนเทคโนโลยีบล็อกเชนไปได้ไกลแล้ว แต่เหตุการณ์ระบบล่มของ Cloudflare เมื่อเร็วๆ นี้ กลับเน้นย้ำว่าความ ‘ยืดหยุ่น’ ที่แท้จริง (Resilience) จะเกิดขึ้นได้เมื่อโครงสร้างพื้นฐานด้านหน้า (Frontend) และระบบจัดเก็บข้อมูล (Storage) ถูกกระจายอำนาจไปด้วย

เมื่อวันที่ 3 ทางแพลตฟอร์มจัดเก็บข้อมูลแบบกระจายศูนย์บนเครือข่ายอีเธอเรียมที่ชื่อว่า ‘อีเธอสโตเรจ(EthStorage)’ ได้ให้สัมภาษณ์กับ Cointelegraph โดยระบุว่า “แม้บล็อกเชนจะกระจายอำนาจผ่านเครือข่ายผู้ตรวจสอบและสมาร์ตคอนแทรกต์ แต่ก็ยังเป็นเพียง ‘ครึ่งเดียว’ ของภาพรวมทั้งหมด” พร้อมเสริมว่า “หากต้องการความยืดหยุ่นที่แท้จริง เราไม่ควรพึ่งพาแค่ตัวบล็อกเชน แต่ต้องออกแบบระบบทั้งหมดใหม่อย่างครบวงจร”

อีเธอสโตเรจชี้ว่า หากต้องการหลีกเลี่ยงปัญหาจุดล้มเหลวจุดเดียว (Single Point of Failure) จำเป็นต้องกระจายอำนาจโครงสร้างภายนอกของระบบบล็อกเชนด้วย เช่น การเรียกใช้ระยะไกล(RPC), ระบบชื่อโดเมน(DNS), API, ระบบดัชนี และการจัดเก็บข้อมูลต่างๆ ซึ่งหากไม่มีแนวทางที่ครอบคลุมในแต่ละส่วน ระบบจะยังคงมีช่องโหว่อยู่

“เราต้องผลักดัน ‘การกระจายอำนาจแบบปลายทางถึงปลายทาง’ (End-to-end decentralization) เพื่อให้โปรโตคอลใดๆ ก็ตามสามารถทำงานต่อได้แม้มีเหตุขัดข้องจากภายนอก” อีเธอสโตเรจย้ำ โดยก่อนหน้านี้ Cloudflare เพิ่งประสบปัญหาระบบบอทล้มเหลว ส่งผลให้เว็บไซต์จำนวนหนึ่งเข้าใช้งานไม่ได้เกินกว่า 1 ชั่วโมง

กรณีนี้สะท้อนให้เห็นถึงจุดเปลี่ยนของบริษัทโครงสร้างพื้นฐานบล็อกเชน ที่กำลังเริ่มมองข้ามการปรับปรุงเฉพาะในส่วน ‘บนเชน’ ไปสู่การสร้างระบบที่ยืดหยุ่นครบวงจรมากขึ้น เพราะการออกแบบใหม่ทั้งระบบโครงสร้างพื้นฐานอาจกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้และเพิ่มความสามารถในการต้านทานการเซ็นเซอร์ในระยะยาว