ทัลลัส(Talus) ผงาดเป็นโครงสร้างพื้นฐาน AI บนบล็อกเชน ดึงดูดทุนกว่า 10 ล้านดอลลาร์

เมซซารี รีเสิร์ช(Messari Research) เผยในรายงานล่าสุดว่า โปรเจกต์ ‘ทัลลัส(Talus)’ กำลังกลายเป็นผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานหลักสำหรับเอเจนต์ AI แบบกระจายศูนย์ โดยอิงอยู่บนเฟรมเวิร์กออนเชนที่ชื่อว่า ‘เน็กซัส(Nexus)’ ซึ่งช่วยมาตรฐานการประสานและการทำงานของบริการ AI ทั้งหมด ทัลลัสตั้งเป้าสร้างระบบเศรษฐกิจดิจิทัลยุคใหม่ที่เน้นความเชื่อถือได้และความโปร่งใส รายงานประเมินว่า การผสานระหว่าง AI กับบล็อกเชนที่เริ่มชัดเจนมากขึ้น กำลังทำให้ทัลลัสกลายเป็นโมเดลโครงสร้างพื้นฐานที่สามารถตอบโจทย์ทั้งในมุมเทคโนโลยีและความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ

เมซซารีชี้ว่า โมเดล AI แบบรวมศูนย์มีข้อจำกัดที่ร้ายแรงในเรื่องความโปร่งใสและความรับผิดชอบ โดยประมาณ 45% ของคำสั่งการ(queries)มีความผิดพลาด นำไปสู่ปัญหาด้านความน่าเชื่อถือของ AI ดังนั้น โซลูชันที่สามารถตรวจสอบได้บนบล็อกเชนจึงเป็นสิ่งจำเป็น ทัลลัสตอบโจทย์นี้ด้วยการบันทึกผลลัพธ์ของ AI แบบเรียลไทม์ไว้บนบล็อกเชน เพื่อให้สามารถตรวจสอบและตรวจทานได้ภายหลัง

เฟรมเวิร์ก ‘เน็กซัส’ ที่พัฒนาโดยทัลลัส เป็นโปรโตคอลออนเชนที่ออกแบบมาเพื่อสร้างโครงสร้างมาตรฐานสำหรับการทำงานอัตโนมัติของ AI โดยอิงจากสมาร์ตคอนแทรกต์ซึ่งควบคุมการมอบสิทธิ์และการจัดการฟังก์ชันของเอเจนต์ได้อย่างโปร่งใส นักพัฒนาสามารถใช้เครื่องมือที่โมดูลาร์ในการประกอบบริการ AI ได้อย่างยืดหยุ่น ระบบนี้ยังขับเคลื่อนเศรษฐกิจของนักพัฒนาอย่างเต็มที่ ผ่านสามชั้นสำคัญ ได้แก่ มาร์เก็ตเพลสเครื่องมือ, มาร์เก็ตเพลสเอเจนต์ และระบบบริการในรูปแบบเอเจนต์แบบ On-Demand

ในด้านเทคนิค ทัลลัสเลือกใช้เวอร์ชวลแมชชีน ‘มูฟ(Move)’ ที่ทำงานบนเครือข่าย ‘ซุย(Sui)’ ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการประมวลผลธุรกรรมแบบขนาน ทำให้สามารถรองรับการทำงานพร้อมกันของ AI หลายตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ นี่ถือเป็น ‘ข้อดี’ สำคัญสำหรับการนำไปใช้ในแอปพลิเคชันที่ต้องการประมวลผลจำนวนมาก เช่น เกม, ฟินเทค, และการวิเคราะห์ข้อมูล นอกจากนี้ ทัลลัสยังรวมระบบเข้ากับ ‘วอลลัส(Walrus)’ เพื่อเชื่อมต่อกับทรัพยากรการประมวลผลภายนอก (Off-chain) ทำให้สามารถสร้างโครงสร้างพื้นฐานแบบไฮบริดที่ประสานกันได้อย่างลงตัว

เมื่อเดือนกันยายน 2025 ทัลลัสได้เปิดทดสอบ Testnet โดยมีผู้ใช้งานกว่า 35,000 รายที่ร่วมรันเวิร์กโฟลว์ AI ไปกว่า 72,000 ครั้ง ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถในการขยายตัวของระบบไปพร้อมกับประสิทธิภาพในการใช้งาน อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์สำคัญคือ Idol.fun แพลตฟอร์มเกม AI รูปแบบใหม่ในชื่อ AvA (Agent vs Agent) ที่มีระบบตรวจสอบผลเอเจนต์ด้วยกลไกออราเคิล และจัดให้มีรางวัลตอบแทนผู้เข้าร่วม สร้างทั้งความสนุกและโอกาสในการมีส่วนร่วมในระบบนิเวศ

ความก้าวหน้าของทัลลัสดังกล่าวทำให้นักลงทุนชื่อดังให้ความสนใจ โดยสามารถระดมทุนได้กว่า 10 ล้านดอลลาร์จากกลุ่มอย่าง โพลีเชน แคปิตอล, มูลนิธิซุย และมิสเทน แล็บส์(Mysten Labs) เงินทุนถูกนำไปใช้ในโครงการต่าง ๆ เช่น โปรแกรมสตาร์ทอัพคลาวด์ของกูเกิล AI, การเปิดตัว Devnet ของเน็กซัส รวมไปถึงการพัฒนาคอมมูนิตี้ฮับและระบบรางวัลผ่าน NFT ซึ่งสะท้อน ‘กลยุทธ์’ ของทัลลัสในการนำ AI มาผสานกับการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน ทั้งในแง่เกม, การวิเคราะห์ข้อมูล และการเทรดคริปโต

ในรายงานเดียวกัน เมซซารีรีเสิร์ชยังวิเคราะห์บทบาทของโทเคนดั้งเดิมประจำเครือข่ายทัลลัส คือ US ซึ่งมีจำนวนจำกัดที่ 10,000 ล้านโทเคน ทำงานในลักษณะ ‘โทเคนลดมูลค่าแบบค่อยๆ (deflationary)’ โดยจะมีการ ‘เผา’ โทเคนเมื่อมีการใช้งานจริงในระบบ หรือใช้เป็นรางวัล ทำให้เป็นทรัพย์สินที่สำคัญสำหรับการกระตุ้นการใช้งานและจัดสรรแรงจูงใจในระบบนิเวศ เช่น การมอบรางวัลให้ผู้พัฒนาเครื่องมือ, การสเตกโหนดนำ (Leader Nodes), และการจ่ายค่าธรรมเนียม บ่งชี้ว่าทัลลัสต้องการสร้างระบบที่เติบโตอย่างยั่งยืนในทุกระดับกิจกรรม

ทัลลัสยังเผยวิสัยทัศน์ล่าสุดในชื่อ ‘ทัลลัส วิชัน(Talus Vision)’ เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2025 ซึ่งรวมเครื่องมือสร้างเวิร์กโฟลว์แบบ Low-code ไว้ในระบบ ช่วยให้ผู้ไม่มีพื้นฐานด้านบล็อกเชนสามารถออกแบบและปล่อยเอเจนต์บนระบบได้ง่ายขึ้น ลดอุปสรรคการเข้าร่วมสำหรับนักพัฒนาและผู้ใช้ใหม่ ๆ เป้าหมายสุดท้ายของทัลลัสคือการกลายเป็น ‘โครงสร้างพื้นฐานระดับปฐม’ สำหรับเอเจนต์บนบล็อกเชน เหมือนที่ AWS เป็นศูนย์กลางของคลาวด์ หรือ Stripe เป็นหัวใจของระบบชำระเงินนั่นเอง

*คำสำคัญ: ทัลลัส, AI แบบกระจายศูนย์, เน็กซัส, บล็อกเชน, เอเจนต์อัจฉริยะ, เกม AI, การวิเคราะห์ข้อมูล, Move VM, Sui, Idol.fun*