ไบแนนซ์ดัน USD1 สเตเบิลคอยน์สายทรัมป์ เสียบแทน BUSD พร้อมจับคู่ซื้อขาย ETH, SOL, BNB

ไบแนนซ์ ขยายการรองรับการซื้อขาย ‘USD1’ สเตเบิลคอยน์ที่เชื่อมโยงกับครอบครัวทรัมป์

แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง ไบแนนซ์ ได้ประกาศขยายการรองรับการซื้อขายของสเตเบิลคอยน์ ‘USD1’ ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับครอบครัวของประธานาธิบดีทรัมป์ โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับ USD1 ให้กลายเป็นหนึ่งในสินทรัพย์หลักภายในระบบนิเวศการเงินของแพลตฟอร์ม

เมื่อวันที่ 12 ไบแนนซ์ประกาศว่าจะเปิดการซื้อขายคู่เงินใหม่ของ USD1 กับเหรียญชั้นนำอย่าง อีเธอเรียม(ETH), โซลานา(SOL) และ บีเอ็นบี(BNB) ตามรายงานโดยไม่เก็บค่าธรรมเนียม เช่นเดียวกับที่เคยเปิดคู่เงินกับ บิตคอยน์(BTC) ไปก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ ยังเผยแผนการแปลงทรัพย์สินค้ำประกันของ บียูเอสดี(BUSD) มาเป็น USD1 ในอัตราส่วน 1:1 ซึ่งสะท้อนถึงบทบาท ‘คำ’ ที่เพิ่มขึ้นของ USD1 ภายในโครงสร้างการเงินของไบแนนซ์

ไบแนนซ์ระบุว่า “การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ทำให้ USD1 เป็นองค์ประกอบสำคัญในโครงสร้างค้ำประกันของเรา และจะถูกรวมเข้ากับระบบนิเวศของเราในทุกระดับ” ขณะที่ แจ็ค วิตต์คอฟ(Jack Witkoff) ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้งของเวิลด์ลิเบอร์ตี้ไฟแนนเชียล ผู้พัฒนา USD1 กล่าวว่า “การขยายตัวของ USD1 ถือเป็นก้าวสำคัญในการเพิ่มการเข้าถึงของสเตเบิลคอยน์ดอลลาร์ดิจิทัลในระดับโลก”

USD1 เปิดตัวเมื่อเดือนมีนาคม โดยใช้ บล็อกเชนของอีเธอเรียมและบีเอ็นบีเป็นฐาน และมีการค้ำประกันด้วยพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ จุดเปลี่ยนที่สำคัญคือเมื่อกองทุนจากอาบูดาบี MGX ได้ลงทุนผ่าน USD1 ในไบแนนซ์เป็นมูลค่าถึง 2 พันล้านดอลลาร์ (ราว 2.94 แสนล้านบาท) ส่งผลให้เหรียญเติบโตอย่างรวดเร็ว ปัจจุบัน USD1 มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 2.7 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3.97 แสนล้านบาท) ทำให้เป็นสเตเบิลคอยน์อันดับที่ 7 ของโลกตามมูลค่าตลาด

อย่างไรก็ตาม สถานะของ USD1 ยังมี ‘ประเด็น’ ที่ต้องจับตา โดยเฉพาะการที่ไม่มีการออกเหรียญใหม่ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา และมูลค่าตลาดลดลงเล็กน้อยจากจุดสูงสุดที่ 3 พันล้านดอลลาร์ (ราว 4.42 แสนล้านบาท) ในช่วงปลายเดือนตุลาคม

การประกาศครั้งนี้สะท้อนถึงทิศทางที่ชัดเจนของไบแนนซ์ในการเลือก USD1 มาแทนที่ BUSD อย่างเต็มรูปแบบ และยังเป็นสัญญาณถึงการขยายอิทธิพลของประธานาธิบดีทรัมป์ไปสู่ด้านเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐานทางการเงิน ‘ความคิดเห็น’ การบรรจุ USD1 เข้าสู่ระบบการเงินของไบแนนซ์อาจกลายเป็นหมุดหมายสำคัญในเส้นทางการแข่งขันของสเตเบิลคอยน์ระดับโลก และช่วยสร้างมิติใหม่ของการบรรจบกันระหว่างการเมืองและเทคโนโลยีการเงินในวงการคริปโตอย่างมีนัยยะ