ผลิตภัณฑ์คริปโตถูกเทขาย 952 ล้านดอลลาร์ เหตุเลื่อนกฎหมาย Clarity Act ฉุดเชื่อมั่นนักลงทุน

ผลิตภัณฑ์ลงทุนในคริปโตถูกเทขายรวมมูลค่า 952 ล้านดอลลาร์ สัปดาห์แรกในรอบเกือบเดือนที่มีการไหลออกสุทธิ โดย ‘ความล่าช้า’ ของร่างกฎหมาย Clarity Act กลายเป็นปัจจัยหลักที่กระทบความเชื่อมั่นของนักลงทุน

จากรายงานของ CoinShares เมื่อวันที่ 24 ระบุว่า ผลิตภัณฑ์ซื้อขายแลกเปลี่ยนคริปโต (ETP) เผชิญเงินไหลออกสูงสุดจากฝั่งอีเธอเรียม(ETH) มูลค่า 555 ล้านดอลลาร์ ตามมาด้วยบิตคอยน์(BTC) อีก 460 ล้านดอลลาร์ ขณะที่นักวิเคราะห์ชี้ว่า ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับอนาคตของ *กฎหมาย Digital Asset Market Clarity Act* ทำให้นักลงทุนจำนวนมากเลือกขายทำกำไรหรือถอนเงินออก เพื่อรอความเคลื่อนไหวที่ชัดเจนจากภาครัฐ

จากข้อมูลล่าสุด มูลค่าทรัพย์สินภายใต้การบริหาร (AUM) รวมของ ETP ทั่วโลกอยู่ที่ 46.7 พันล้านดอลลาร์ ลดลงจาก 48.7 พันล้านดอลลาร์ที่มีในปี 2024 ส่งผลให้ ‘ความหวัง’ ที่ว่า ETP ปีนี้จะมียอดไหลเข้าสูงกว่าปีก่อนเริ่มเลือนหายไป

CoinShares ยังระบุด้วยว่า สหรัฐอเมริกาคิดเป็นสัดส่วนการไหลออกสูงสุดถึง 990 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ตลาดแคนาดาและเยอรมนีมีเม็ดเงินไหลเข้ากลับมาในปริมาณเล็กน้อย 46 ล้านดอลลาร์ และ 15.6 ล้านดอลลาร์ตามลำดับ

เดวิด แซคส์(David Sacks) ที่ปรึกษาด้าน AI และคริปโตของทำเนียบขาว เปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดีในโพสต์บน X ว่า ร่างกฎหมาย Clarity Act ที่ถูกตั้งความหวังว่าจะผ่านภายในปี 2025 และส่งถึงประธานาธิบดีทรัมป์นั้น จะต้องถูกเลื่อนออกไปเป็น "มกราคม 2026" แซคส์เสริมว่า “เราเข้าใกล้มากกว่าที่เคยในการผลักดันกฎหมายโครงสร้างตลาดคริปโตฉบับประวัติศาสตร์ที่ประธานาธิบดีทรัมป์เรียกร้อง และเราตั้งตารอจะทำให้สำเร็จในเดือนมกราคม”

เจมส์ บัตเตอร์ฟิลล์ หัวหน้าฝ่ายวิจัยของ CoinShares ก็ให้ *ความคิดเห็น* ว่า “อีเธอเรียมได้รับผลกระทบหนักสุดเพราะเป็นสินทรัพย์ที่เดิมพันกับ Clarity Act มากที่สุด” เขาเสริมว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้มีเป้าหมายเพื่อกำหนดว่า สินทรัพย์ดิจิทัลตัวใดจะถูกจัดเป็น ‘หลักทรัพย์’ และตัวใดเป็น ‘สินค้าโภคภัณฑ์’ ซึ่งจะเป็นตัวชี้ชะตาของทั้งสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์สหรัฐ (SEC) และคณะกรรมการกำกับการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้า(Commodity Futures Trading Commission)

ด้านนักลงทุนระดับ ‘สมาร์ตมันนี่’ ที่มีผลตอบแทนสูงตามข้อมูลจากแพลตฟอร์มวิเคราะห์บล็อกเชน Nansen ยังคง ‘วางใจ’ ในอีเธอเรียมด้วยการถือสถานะซื้อระยะสั้น (leveraged long) มูลค่ารวม 476 ล้านดอลลาร์ พร้อมกับทยอยเปิดสถานะขายในบิตคอยน์ที่ระดับ 109 ล้านดอลลาร์

*คำสำคัญ*: Clarity Act, อีเธอเรียม(ETH), บิตคอยน์(BTC), CoinShares, นโยบายคริปโตสหรัฐ