ปะทุเดือด! ชุมชนอาาเว(AAVE) เดือดดาล Aave Labs เหตุโอนสิทธิ์แบรนด์เงียบ ๆ สะเทือนศรัทธา DAO

ความขัดแย้งภายในชุมชนของอาาเว(AAVE) หนึ่งในโครงการชั้นนำของวงการการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi) ได้ทวีความรุนแรง หลังจาก Aave Labs ได้นำข้อเสนอสำคัญเรื่องการโอนกรรมสิทธิ์แบรนด์ไปลงคะแนนเสียง โดยไม่ได้รับการยินยอมจากผู้เสนอ ความเคลื่อนไหวนี้ส่งผลให้เกิดความไม่ไว้วางใจอย่างรุนแรงในหมู่สมาชิกชุมชน และถูกมองว่าอาจเปลี่ยนโฉมโครงสร้างความสัมพันธ์ระหว่าง DAO กับทีมผู้ก่อตั้งดั้งเดิมอย่างมีนัยสำคัญ

ต้นตอของเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อ เออร์เนสโต โบอาโด(Ernesto Boado) ผู้ร่วมก่อตั้ง BGD Labs ได้เผยแพร่ข้อเสนอในฟอรั่มของอาาเว โดยมีเป้าหมายขอให้ทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ Aave เช่น โดเมนเว็บไซต์ (aave.com), บัญชีโซเชียลมีเดีย และบัญชี GitHub ถูกโอนมาอยู่ภายใต้ความควบคุมของหน่วยงาน DAO อิสระ แทนที่จะอยู่ในมือของ Aave Labs หรือ BGD Labs โดยตรง เพื่อหลีกเลี่ยงการนำไปใช้แสวงหากำไรโดยเอกชน

อย่างไรก็ตาม โบอาโดเปิดเผยว่า Aave Labs ได้นำข้อเสนอดังกล่าวไปจัดการลงคะแนนแบบ Snapshot โดยไม่แจ้งให้เขาทราบล่วงหน้า ทั้งยังใช้ชื่อเขาเป็นผู้เสนอ ซึ่งเจ้าตัวไม่เพียงปฏิเสธการมีส่วนร่วม ยังกล่าวหาว่าการกระทำดังกล่าว "บิดเบือนเจตนารมณ์ของข้อเสนอ และทำลายความไว้วางใจระหว่างชุมชนกับทีมพัฒนาอย่างร้ายแรง"

หัวใจของข้อพิพาทนี้คือ ‘สิทธิ์ในการควบคุมแบรนด์อาาเว’ ที่แท้จริง โดยโบอาโดกล่าวหาว่าบางบริษัทใช้ทรัพย์สินแบรนด์อย่างไม่โปร่งใส อาทิ การที่ Aave Labs สลับบริการ DeFi Aggregator จาก Paraswap ไปยัง CowSwap โดยไม่ผ่านการอนุมัติจาก DAO ส่งผลให้ค่าธรรมเนียมราว 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 148 ล้านบาทต่อปี ไหลเข้าสู่กระเป๋าเอกชน แทนที่จะเป็นคลังของ DAO

กรณี Horizon Market ก็ถูกยกเป็นตัวอย่างเพิ่มเติม โดยที่ DAO อนุมัติงบประมาณ 500,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 7.4 ล้านบาท เพื่อให้แรงจูงใจแก่ตลาดใหม่นี้ แต่รายได้ที่ได้คืนกลับมีเพียง 100,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 1.48 ล้านบาท ทำให้ถูกวิจารณ์ว่าเป็นการลงทุนที่ขาดทุน

นักพัฒนาอีกคน มาร์ก เซลเลอร์(Marc Zeller) จาก ACI ชี้ว่า DAO ได้ ‘ซื้อ’ สิทธิ์ในแบรนด์อาาเวมาแล้วถึง 4 ครั้ง ผ่านการขายโทเค็นในช่วงเริ่มต้น, การแจกผลตอบแทนเพื่อดึงผู้ใช้งาน และสัญญาด้านบริการ ดังนั้น DAO ควรมีสิทธิ์โดยชอบธรรมในการควบคุมแบรนด์

ด้านสตานี คูเลชอฟ(Stani Kulechov) ผู้ก่อตั้งโครงการออกโรงชี้แจงว่าการเร่งเดินหน้าลงคะแนนนั้นเกิดขึ้นอย่างถูกต้องตามขั้นตอนภายในโครงสร้างการกำกับดูแล พร้อมอ้างว่ามีการอภิปรายมาระยะหนึ่ง “จุดนี้ถึงเวลาที่ชุมชนต้องตัดสินใจผ่านการโหวต” คูเลชอฟกล่าว

อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ในแวดวงคริปโตต่างไม่เห็นด้วย ดุโอ ไนน์ ผู้ให้ความรู้ด้านคริปโตกล่าวว่า “คูเลชอฟได้หลุดจากเจตนาดีไปแล้ว และมีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ชัดเจน” ขณะที่นักวิเคราะห์อีกคนชื่อ อิกนาส(Ignas) เปรียบเทียบเรื่องนี้กับความขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์ในยูนิสวอป โดยระบุว่าชุมชนกำลังถูกกีดกันออกจากโครงสร้างรายได้ของแบรนด์

เหตุการณ์ครั้งนี้จุดประเด็นย้ำเตือนถึงข้อจำกัดของ DAO ในการหลุดพ้นจากอิทธิพลของบริษัทผู้ก่อตั้ง Aave Labs ยืนยันว่า DAO มีหน้าที่ควบคุมโปรโตคอลเท่านั้น ส่วนผลิตภัณฑ์ยังอยู่ภายใต้การดูแลของบริษัท แต่หลายฝ่ายในชุมชนมองว่านี่เป็นความพยายามใช้ชื่อ ‘แบรนด์อาาเว’ ไปแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว

จังหวะเวลาที่เกิดความขัดแย้งนี้มีนัยสำคัญ เพราะสอดรับกับช่วงที่ Aave Labs เพิ่งรับรองกฎหมาย MiCA ที่ยุโรป และเสร็จสิ้นการตรวจสอบจากสำนักงาน ก.ล.ต. สหรัฐ ส่งผลให้ความเสี่ยงด้านกฎระเบียบผ่อนคลาย ขณะเดียวกันก็เตรียมเปิดตัว Aave V4 ที่มุ่งออกแบบโครงสร้างใหม่ในการดึงมูลค่าจากการควบคุม UX (ประสบการณ์ผู้ใช้งาน)

ข้อเสนอที่โบอาโดคัดค้านขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนลงคะแนนเสียง หากผ่าน จะกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการกำหนดทิศทางโครงสร้างอำนาจภายในอาาเว และอนาคตรูปแบบการกำกับดูแลของ DAO ทั้งระบบ

‘ความคิดเห็น’: กรณีนี้เป็นเครื่องเตือนใจว่าสิ่งที่เรียกว่า ‘กระจายอำนาจ’ อาจไม่ได้แปลว่า ‘ไร้ศูนย์กลางทางอำนาจ’ อย่างแท้จริง ในวงการ DeFi คำถามเชิงโครงสร้างเหล่านี้กำลังกลายเป็นเรื่องที่สร้างแรงเสียดทานมากขึ้นทุกที