ทรัมป์ประกาศหนุนคริปโต-เปิดขาย NFT แลกสิทธิ์มื้อค่ำก่อนเลือกตั้งสหรัฐฯ

ทรัมป์แสดงจุดยืน ‘หนุนคริปโต’ อย่างชัดเจน จับมือ NFT ดึงฐานเสียงก่อนเลือกตั้ง

‘ประธานาธิบดีทรัมป์’ เริ่มแสดงจุดยืนเชิงบวกต่อบิตคอยน์(BTC), สกุลเงินดิจิทัล และ NFT อย่างชัดเจนมากขึ้น หลังเดินสายหาเสียงเพื่อลุ้นชิงตำแหน่งผู้นำสมัยที่สอง โดยล่าสุดสร้างความฮือฮาด้วยข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับนักสะสม NFT ที่เลือกซื้อผลงานของเขา

เมื่อวันที่ 24 (เวลาท้องถิ่น) ทรัมป์ได้เปิดเผยข้อเสนอสิทธิพิเศษสำหรับผู้ซื้อ NFT ของเขาในการจัดกิจกรรมระดมทุนที่รัฐฟลอริดา โดยผู้ถือ NFT จะได้รับ ‘ภาพดิจิทัลพิเศษ’ ที่เป็นภาพคอลลาจของตนร่วมกับ ‘ภาพถ่ายตอนทรัมป์ถูกจับกุม (Mugshot)’ หากวันหนึ่งเขาต้องเผชิญเหตุการณ์จริงในอนาคต พร้อมสิทธิ์ในการเข้าร่วมจับรางวัล มื้อค่ำส่วนตัวยามเย็นที่บ้านของทรัมป์ หรือพบปะตัวต่อตัวกับเขา

NFT ชุดนี้จัดจำหน่ายผ่านแพลตฟอร์ม *ทรัมป์ ดิจิทัล เทรดดิ้งการ์ด* ซึ่งอิงอยู่บนเครือข่ายบล็อกเชนของโพลิกอน(MATIC) โดยแต่ละชิ้นมีราคา 99 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 14,800 บาท ผู้สนใจสามารถซื้อได้สูงสุด 100 ชิ้น และหากซื้ออย่างน้อย 47 ชิ้น จะได้รับสิทธิ์ร่วมมื้อค่ำกับทรัมป์โดยตรง ซึ่ง ‘47’ ยังสื่อความหมายถึงความตั้งใจของเขาที่จะเป็นประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐฯ อีกด้วย

นอกจากกลยุทธ์ด้านการตลาดแล้ว ทรัมป์ยังเปิดเผยจุดยืนของตนแบบตรงไปตรงมาว่าเขาเปลี่ยนมุมมองต่อคริปโตแล้ว โดยระบุว่า “ตอนนี้ผมเปิดใจต่อสกุลเงินดิจิทัล” พร้อมเปรียบเทียบจุดยืนของเขาว่าตรงข้ามกับ ‘รัฐบาลไบเดน’ ซึ่งมีแนวทางควบคุมตลาดคริปโตอย่างเข้มงวด

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทรัมป์เคยวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงว่า “บิตคอยน์คือการฉ้อโกง” แต่จุดยืนดังกล่าวเปลี่ยนไปภายในเวลาเพียงไม่นาน โดยที่ผ่านมาเขาได้เปิดตัว NFT ของตนเองและเปิดเผยว่าเป็นผู้ถือครองคริปโต

ตามข้อมูลจาก แพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูลคริปโต อาร์คแฮม อินเทลลิเจนซ์ (Arkham Intelligence) ระบุว่า ทรัมป์ครอบครองสินทรัพย์ดิจิทัลบนเครือข่ายอีเธอเรียม(ETH) มูลค่าราว 2.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 93 ล้านบาท

‘ความคิดเห็น’ การปรับจุดยืนมาอยู่ฝั่งสนับสนุนสินทรัพย์ดิจิทัลของทรัมป์ ทำให้เขากลายเป็นนักการเมืองระดับสูงของสหรัฐฯ ที่แสดงความชัดเจนในประเด็นนี้มากที่สุด ขณะที่อีกด้านหนึ่ง รัฐบาลไบเดนยังคงเน้นการควบคุมผ่านสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์สหรัฐ(SEC) ซึ่งมีท่าทีแข็งกร้าวต่ออุตสาหกรรมดังกล่าว

ท่ามกลางแนวโน้มที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งกลุ่มวัยหนุ่มสาว ซึ่งเป็นฐานเสียงขนาดใหญ่ในโลกออนไลน์ เริ่มมองคริปโตเชิงบวกมากขึ้น ความเคลื่อนไหวของทรัมป์จึงนับเป็นกลยุทธ์ทางการเมืองที่น่าสนใจ ซึ่งอาจเปลี่ยนเกมการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2024 ได้ไม่น้อย