สภาคองเกรสสหรัฐฯ เสนอร่างกฎหมายใหม่ ลดภาษีสเตกเหรียญคริปโต หวังปฏิรูปภาษี PoS ภายในปี 2026

สภาคองเกรสสหรัฐฯ เร่งผลักดันแนวทางลดภาระภาษีที่เกิดจากการสเตกเหรียญคริปโต พร้อมเรียกร้องให้กรมสรรพากร (IRS) ปรับวิธีจัดเก็บภาษีใหม่โดยพิจารณาเฉพาะ ‘ช่วงเวลาที่ขาย’ แทนการเก็บภาษีเมื่อได้รับรางวัล โดยมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากทั้งสองพรรค 18 คนร่วมลงนามในจดหมายอย่างเป็นทางการ ข้อเสนอนี้ชี้ว่ากฏเกณฑ์ปัจจุบันอาจส่งผลให้เกิดการ ‘เก็บภาษีซ้ำซ้อน’ และเพิ่มภาระทั้งสำหรับผู้ลงทุนและภาครัฐ

การเคลื่อนไหวนี้นำโดยไมก์ แครีย์(Mike Carey) ส.ส.พรรครีพับลิกัน ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการปรับปรุงกฎหมายภาษีก่อนปี 2026 ซึ่งกฎหมายภาษีหลายฉบับมีกำหนดหมดอายุในปีดังกล่าว ปัจจุบันนักลงทุนต้องชำระภาษีทันทีเมื่อได้รับรางวัลจากการสเตก แม้ยังไม่ได้ขายเหรียญออกสู่ตลาด ทำให้ผู้ลงทุนต้องเผชิญกับความผันผวนของราคาโดยไม่สามารถบริหารความเสี่ยงด้านภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ส.ส.กลุ่มนี้เน้นย้ำว่า การสเตกเป็นหัวใจของกลไกฉันทามติแบบพิสูจน์ด้วยการถือเหรียญ (PoS) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการรักษาความปลอดภัยของบล็อกเชน การขาดความชัดเจนด้านภาษีจึงอาจขัดขวางการมีส่วนร่วมของผู้ใช้งานในระบบนิเวศ

พร้อมกันนี้ ส.ส.สตีเวน ฮอร์สฟอร์ด(Steven Horsford) และแม็กซ์ มิลเลอร์(Max Miller) ได้เสนอร่างกฎหมายชื่อว่า ‘PARITY’ หรือกฎหมายว่าด้วยความเป็นธรรมและความรับผิดชอบของสินทรัพย์ดิจิทัล ร่างกฎหมายนี้ถือเป็นก้าวแรกในการปฏิรูปภาษีคริปโตโดยรวม และไม่ได้จำกัดเฉพาะกรณีของรางวัลจากการสเตกเท่านั้น

ร่างกฎหมาย PARITY ชูสองมาตรการหลัก ได้แก่ การให้สิทธิยกเว้นภาษีบางส่วนสำหรับการใช้ ‘สเตเบิลคอยน์ภายใต้การกำกับดูแล’ ในการชำระเงินขนาดเล็ก โดยถือว่าการเปลี่ยนแปลงราคาที่เกิดขึ้นในระดับเล็กน้อยนั้นไม่ต้องเสียภาษี เช่นเดียวกับการยกเว้นภาษีในต่างสกุลเงิน และอีกแนวทางหนึ่งคือ การจัดเก็บภาษีจากรางวัลสเตกและการขุดในช่วง ‘เวลาขาย’ โดยสามารถเลือกชะลอเวลาเก็บภาษีได้นานถึง 5 ปี

นอกจากนี้ยังมีข้อเสนอเพิ่มเติมใน PARITY ที่จะยึดโยงกฎระเบียบของสินทรัพย์ดิจิทัลกับหลักเกณฑ์ภาษีของตราสารทุน เช่น ‘การห้ามขายหลอกขาดทุน (wash sale)’ ซึ่งมักใช้เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีอย่างไม่ถูกต้อง

แม้ร่างกฎหมายนี้จะยังอยู่ในขั้นเริ่มต้น และต้องผ่านการหารือ รวมถึงการปรับแก้ในคณะกรรมาธิการต่างๆ ภายในสภา แต่ก็สะท้อนว่าสหรัฐฯ กำลังก้าวเข้าสู่ ‘เฟสใหม่’ ของการควบคุมภาษีในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล

‘ความคิดเห็น’ แม้การเปลี่ยนแปลงจะยังไม่เกิดขึ้นในทันที แต่ความพยายามดังกล่าวส่งสัญญาณเชิงบวกถึงนักลงทุนและชุมชนคริปโตว่ากำลังมีการปรับปรุงวิธีการประเมินภาษีให้สมเหตุสมผลมากขึ้น และอาจช่วยลดภาระในระยะยาว โดยเฉพาะเมื่อกฎภาษีใหม่มีความคาดการณ์ได้ชัดเจน

ในอนาคต นักลงทุนที่เข้าร่วมการสเตกอาจไม่จำเป็นต้องเสียภาษีตั้งแต่วันแรกที่ได้รับรางวัลอีกต่อไป แต่จะเสียภาษีเมื่อแปลงสินทรัพย์เป็นเงินสดจริง ทำให้การจัดการภาษีมีความยืดหยุ่นและเป็นธรรมมากยิ่งขึ้น ทั้งยังอาจเปิดทางให้สถาบันการเงินและนักลงทุนรายใหญ่กล้าเข้ามาร่วมในเครือข่าย PoS มากขึ้นอีกด้วย