โทเคนพาย(PI) วัดใจแนวรับ 0.20 ดอลลาร์ เสี่ยงหลุดจุดต่ำสุดหากแรงซื้อไม่กลับมา

โทเคนพาย(PI) จากโครงการพายเน็ตเวิร์ก กำลังเผชิญความท้าทายในช่วงท้ายปีนี้ โดยราคากำลังพยายามทรงตัวอยู่เหนือระดับ ‘0.20 ดอลลาร์’ หรือประมาณ 290 บาท ซึ่งเป็นแนวรับที่สำคัญในทางเทคนิค หลังจากที่สามารถเปิดตัวเมนเน็ตและเริ่มต้นการซื้อขายได้เมื่อต้นปี ราคาของ PI ก็เคยพุ่งขึ้นใกล้ระดับ 3 ดอลลาร์ แต่หลังจากนั้นก็ร่วงลงอย่างรวดเร็วมากกว่า 94% สู่ระดับต่ำสุดที่ 0.172 ดอลลาร์

แม้จะมีสัญญาณบวกบางประการ เช่น การอัปเดตของทีมพัฒนาและแรงสนับสนุนจากชุมชน ผู้เชี่ยวชาญด้านปัญญาประดิษฐ์อย่าง ChatGPT มองว่าแม้ PI จะอยู่ใน ‘ช่วงพยายามเอาตัวรอด’ ที่ระดับ 0.20 ดอลลาร์ แต่ก็ยังมีจุดอ่อนเชิงโครงสร้างที่ต้องพิจารณา PI มีลักษณะเฉพาะทั้งเรื่องของการกระจายเหรียญและระบบการซื้อขาย ซึ่งแตกต่างจากอัลท์คอยน์ทั่วไป และหากแนวรับนี้ถูกทะลุ ก็อาจต้องกลับไปทดสอบจุดต่ำสุดอีกครั้ง

ในทางกลับกัน ถ้ามีแรงซื้อกลับเข้ามาอย่างชัดเจน PI ก็มีโอกาสเด้งขึ้นไปทดสอบแนวต้านระยะสั้นที่ระดับ 0.22–0.24 ดอลลาร์ โดยเฉพาะหากเกิดภาวะฟื้นตัวคล้ายกับสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในช่วงปลายตุลาคมและพฤศจิกายนที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม เครื่องมือวิเคราะห์ AI อื่น ๆ อย่าง Gemini และ Perplexity ก็แสดงความกังวลมากขึ้น พวกเขาชี้ว่า ตั้งแต่ต้นไตรมาส 4 เป็นต้นมา ปริมาณการซื้อขายของ PI ลดลงอย่างต่อเนื่อง และหากแนวรับถูกทดสอบซ้ำบ่อย ๆ โดยไม่มีแรงซื้อใหม่เข้ามา ราคา PI อาจหลุดระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ได้ ซึ่งเท่ากับว่า ‘แนวรับ’ กลายเป็น ‘จุดอ่อน’ ที่พังทลายลงตามเวลา

ราคาของ PI ยังมีโอกาสถูกกดดันเพิ่มเติมจากราคาของบิตคอยน์(BTC) และอัลท์คอยน์ตัวใหญ่ หากเกิดการ ‘ขายทำกำไร’ ทั่วทั้งตลาดในช่วงปลายปี ซึ่งเป็นช่วงที่มีความผันผวนสูงตามประสบการณ์ในอดีต นักลงทุนจึงควรจับตาความเคลื่อนไหวของบิตคอยน์อย่างใกล้ชิด เพราะหลายครั้ง ราคาของโทเคนขนาดเล็กจะเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกันในลักษณะ ‘โดมิโน’

โดยสรุป การวิเคราะห์จากหลายแหล่งชี้ตรงกันว่า ระดับ ‘0.20 ดอลลาร์’ คือเส้นแบ่งสำคัญสำหรับทิศทางราคาของ PI หากสามารถรักษาระดับนี้ไว้ได้ มีโอกาสเล็กน้อยที่จะกลับมาฟื้นตัวในช่วงต้นปีหน้า แต่หากแนวรับนี้พังลงอย่างชัดเจน จุดต่ำสุดเดิมที่ ‘0.172 ดอลลาร์’ ก็อาจถูกทดสอบอีกครั้งในไม่ช้า

ในช่วงเวลาที่ตลาดคริปโตกำลังเข้าสู่การเปลี่ยนผ่านของปี ความเคลื่อนไหวของโทเคนอย่าง PI เป็นเหมือนภาพสะท้อนของแรงกดดันภายในตลาด และตัวชี้วัดว่าความเชื่อมั่นของนักลงทุนรายย่อยจะไปในทิศทางใดต่อจากนี้ ความอยู่รอดของ PI จึงขึ้นอยู่กับแนวรับสำคัญนี้ ว่าจะสามารถ ‘ยืนให้ได้’ ถึงปีใหม่หรือไม่.