ข่าว 
ข้อมูลเหรียญ 
แนะนำสื่อ 
ราคาหุ้นของ ‘แบคต์’ (Bakkt) ดิ่งลง หลังขาดสัญญาจาก ‘แบงก์ ออฟ อเมริกา’ และ ‘วีบูล’
เมื่อวันที่ 18 ตามเวลาท้องถิ่น ราคาหุ้นของ ‘แบคต์’(Bakkt) ร่วงลง 27.28% ปิดที่ 9.33 ดอลลาร์ และลดลงต่อเนื่องอีก 2.25% ในช่วงซื้อขายหลังตลาดปิด เหลือเพียง 9.12 ดอลลาร์ สาเหตุหลักมาจากการเปิดเผยในเอกสารที่ยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ(SEC) ว่า ‘แบงก์ ออฟ อเมริกา’(Bank of America) และ ‘วีบูล’(Webull) จะไม่ต่ออายุสัญญากับบริษัท
ตามข้อมูลจากเอกสาร ‘แบงก์ ออฟ อเมริกา’ จะยุติสัญญาเมื่อครบกำหนดในวันที่ 22 เมษายนนี้ ขณะที่ ‘วีบูล’ จะไม่ต่อสัญญาหลังจากหมดอายุในวันที่ 14 มิถุนายนที่ผ่านมา ส่งผลให้ ‘แบคต์’ เสียลูกค้ารายสำคัญ โดยเฉพาะ ‘วีบูล’ ที่สร้างรายได้ถึง 74% ของยอดขายบริการคริปโต ขณะที่ ‘แบงก์ ออฟ อเมริกา’ เคยมีส่วนแบ่งรายได้ราว 17% จากบริการสะสมแต้มของบริษัทเมื่อปีที่แล้ว
ราคาหุ้นของ ‘แบคต์’ ที่เคยพุ่งสูงสุดถึง 1,063 ดอลลาร์ในเดือนตุลาคม 2021 ร่วงลงถึง 96% จากระดับนั้น นอกจากนี้ บริษัทยังต้องเผชิญกับกระแสติติงจากนักลงทุน หลังประกาศเลื่อนการเปิดรายงานผลประกอบการถึงสองครั้ง และล่าสุดบริษัทแจ้งว่าจะเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 4 และรายปีในวันที่ 19 มีนาคมนี้
ในขณะที่สถานการณ์ของ ‘แบคต์’ กำลังตึงเครียด ‘สำนักงานกฎหมาย ฮาวเวิร์ด จี. สมิธ’(Howard G. Smith) ได้เตรียมยื่นฟ้องบริษัทในคดีแบบกลุ่ม โดยให้เหตุผลว่า บริษัทปล่อยให้ราคาหุ้นตกต่ำลงอย่างต่อเนื่อง จากการเปิดเผยข้อมูลด้านลบอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียลูกค้ารายใหญ่หรือการเลื่อนประกาศผลประกอบการ
ถึงขณะนี้ทั้ง ‘แบคต์’ และบริษัทที่เกี่ยวข้องยังไม่ได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการ ด้าน ‘แบคต์’ นั้นก่อตั้งขึ้นในปี 2018 ภายใต้การบริหารของ ‘อินเตอร์คอนติเนนทัล เอ็กซ์เชนจ์’(ICE) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก(NYSE)
ความคิดเห็น 0