บิทซัม(Bithumb) เร่งเครื่องจดทะเบียน Nasdaq ปี 2025 หลังปัญหากฎหมายคลี่คลาย

บิทซัม(Bithumb) เร่งเดินหน้า IPO ตั้งเป้าจดทะเบียนใน Nasdaq ปี 2025

บิทซัม(Bithumb) หนึ่งในแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตชั้นนำของเกาหลีใต้ เตรียมจดทะเบียนในตลาดหุ้น Nasdaq ภายในปี 2025 หลังจากที่แผน IPO ถูกชะลอมาเป็นเวลานาน เนื่องจากปัญหาทางกฎหมาย อย่างไรก็ตาม อุปสรรคสำคัญได้รับการคลี่คลาย ส่งผลให้บริษัทสามารถเดินหน้าสู่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้อีกครั้ง

ปัญหาทางกฎหมายที่สร้างความล่าช้าต่อการ IPO ของบิทซัม คือข้อพิพาทเกี่ยวกับอดีตประธานบริษัท อี จองฮุน ซึ่งถูกตั้งข้อหาฉ้อโกง ส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของบริษัทและสร้างความไม่แน่นอนในการเข้าตลาดหุ้น อย่างไรก็ตาม ศาลฎีกาของเกาหลีใต้ได้ตัดสินยกฟ้อง ส่งผลให้ความเสี่ยงทางกฎหมายที่สำคัญของบิทซัมลดลง และช่วยเปิดทางให้แผน IPO เดินหน้าอีกครั้ง

บิทซัมได้เลือกซัมซุง ซิเคียวริตี้ส์ เป็นผู้จัดการจำหน่ายหลักทรัพย์ และวางแผนจดทะเบียนในตลาด Nasdaq เพื่อขยายสู่เวทีโลก เช่นเดียวกับที่โคอินเบส(COIN) และโคอินเช็ค(Koinecheck) เคยทำมาแล้ว อีกทั้งสภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบของเกาหลีใต้มีแนวโน้มผ่อนคลายมากขึ้น ทำให้โอกาสประสบความสำเร็จของ IPO ครั้งนี้เพิ่มสูงขึ้น

หน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินของเกาหลีใต้ยังมีแผนดำเนิน ‘โปรแกรมนำร่อง’ เพื่อเปิดโอกาสให้นักลงทุนสถาบันสามารถลงทุนในคริปโตได้ หากโครงการนี้ประสบความสำเร็จ อาจนำไปสู่การรับรองให้บริษัทรวมสินทรัพย์ดิจิทัลไว้ในงบการเงิน ซึ่งจะช่วยเพิ่มเม็ดเงินไหลเข้าสู่ตลาดคริปโตภายในประเทศ

นอกจากนี้ บิทซัมยังจับมือเป็นพันธมิตรกับเคบี กุกมินแบงค์(KB Kookmin Bank) เพื่อขยายการให้บริการสำหรับนักลงทุนสถาบัน ซึ่งเป็นแนวทางเดียวกับที่แพลตฟอร์มคู่แข่งอย่างอัพบิต(Upbit) ใช้ร่วมมือกับเคย์แบงค์(K Bank)

แม้ว่าแผน IPO ของบิทซัมจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น แต่ยังคงมีอุปสรรคที่ต้องแก้ไข โดยเฉพาะปัญหาด้าน ‘การป้องกันการฟอกเงิน’ ซึ่งหน่วยงานกำกับดูแลยังคงตรวจสอบอย่างเข้มงวด ซึ่งอาจส่งผลต่อภาพลักษณ์ทางการเงินของบริษัท นอกจากนี้ โครงสร้างผู้ถือหุ้นของบิทซัมเองก็ยังเป็นประเด็นที่ต้องจับตา เนื่องจากยังมีข้อถกเถียงเกี่ยวกับบทบาทของ คัง จงฮยอน ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

ในขณะที่ตลาดคริปโตยังคงมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว นักลงทุนและตลาดการเงินกำลังจับตาดูว่าบิทซัมจะสามารถนำบริษัทเข้าสู่ Nasdaq ได้สำเร็จหรือไม่ และการจดทะเบียนครั้งนี้จะส่งผลต่ออุตสาหกรรมคริปโตในเกาหลีใต้และระดับโลกอย่างไร