SEC ถอนอุทธรณ์ คดีกับริปเปิล(XRP) ยืนยันสถานะไม่ใช่หลักทรัพย์

คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ(SEC) ได้ถอนอุทธรณ์ในคดีที่เกี่ยวข้องกับริปเปิล(XRP) ซึ่งทำให้เกิดการประเมินว่าขณะนี้สถานะของ XRP ในฐานะที่ไม่ใช่หลักทรัพย์ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการแล้ว

เมื่อวันที่ 20 ตามเวลาท้องถิ่น จอห์น ดีตัน ทนายความผู้เชี่ยวชาญด้านคริปโตเคอร์เรนซี ได้ให้สัมภาษณ์กับ Cointelegraph โดยกล่าวว่า "การตัดสินใจของ SEC เป็นเหมือน 'จุดสิ้นสุด' ที่ทำให้ XRP ถูกยืนยันว่าเป็น ‘สินค้าดิจิทัล’ และไม่ใช่หลักทรัพย์"

ดีตันยังกล่าวเพิ่มเติมว่า การถอนอุทธรณ์ของ SEC อาจเปิดโอกาสให้เกิดการเจรจาใหม่เกี่ยวกับค่าปรับที่ SEC กำหนดให้ริปเปิล ซึ่งมีมูลค่า 125 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.82 พันล้านบาท) โดยเขามองว่า "การที่ SEC เลือกถอนอุทธรณ์ ทำให้ริปเปิลมีอำนาจต่อรองในการลดค่าปรับนี้ได้"

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ดีตันเป็นหนึ่งในผู้ที่สนับสนุนผู้ถือ XRP และแสดงจุดยืนว่าผลประโยชน์ของพวกเขาไม่ได้รับการคุ้มครองอย่างเพียงพอจาก SEC นอกจากนี้ เขายังประกาศลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นวุฒิสมาชิกในรัฐแมสซาชูเซตส์ โดยมีท่าทีที่ขัดแย้งกับ เอลิซาเบธ วอร์เรน วุฒิสมาชิกที่มักมีแนวทางควบคุมคริปโตอย่างเข้มงวด

ขณะเดียวกัน ริปเปิลยังคงยื่นฟ้องกลับต่อ SEC ตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา ดีตันชี้ให้เห็นว่า "SEC กังวลว่าหากริปเปิลชนะในคดีตอบโต้ อาจทำให้เกิดผลกระทบต่อคดีอื่น และทำให้ขอบเขตอำนาจของ SEC ในการกำกับดูแลอ่อนแอลง" ซึ่งอาจทำให้ริปเปิลมีจุดยืนที่แข็งแกร่งขึ้นในการเจรจากับ SEC

อย่างไรก็ตาม ริปเปิลยังต้องเผชิญกับเงื่อนไขคำสั่งศาลที่ห้ามขาย XRP ให้กับนักลงทุนสถาบันในสหรัฐฯ หากบริษัทต้องการกระจาย XRP ผ่านสถาบันการเงินของประเทศ ดีตันมองว่า "ริปเปิลจะต้องหาวิธีแก้ไขหรือหลีกเลี่ยงข้อห้ามทางกฎหมายนี้ เพื่อให้สามารถให้บริการแก่ธนาคารในสหรัฐฯ ได้"

ดีตันสรุปว่า คดีของริปเปิลไม่ได้เป็นเพียงประเด็นเฉพาะของบริษัท แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงท่าทีของหน่วยงานกำกับดูแลในการควบคุมอุตสาหกรรมคริปโตโดยรวม "สิ่งที่ SEC ทำไม่ได้มุ่งเป้าแค่ XRP เท่านั้น แต่ยังเป็นความพยายามร่วมกันของรัฐบาลและสถาบันการเงินแบบดั้งเดิมในการกดดันอุตสาหกรรมนี้" เขากล่าว พร้อมเสริมว่า "ริปเปิลเลือกอยู่และต่อสู้ในสหรัฐฯ แทนที่จะย้ายออกไป ซึ่งเป็นเรื่องที่มีนัยสำคัญ"

การถอนอุทธรณ์ของ SEC ครั้งนี้ ช่วยลดความเสี่ยงทางกฎหมายของริปเปิลลงอย่างมาก และนักวิเคราะห์หลายคนมองว่า อาจนำไปสู่การนำ XRP มาใช้งานในเชิงสถาบันมากขึ้นในอนาคต