แคลิฟอร์เนียเปิดตัวเครื่องมือติดตามการโกงคริปโต ปกป้องนักลงทุน

รัฐแคลิฟอร์เนียเปิดตัว 'เครื่องมือติดตามการโกงคริปโต' ป้องกันการฉ้อโกง

เมื่อวันที่ 16 กรมคุ้มครองและนวัตกรรมทางการเงินแห่งแคลิฟอร์เนีย (DFPI) ประกาศเปิดตัว 'เครื่องมือติดตามการโกงคริปโต' เพื่อช่วยให้ประชาชนสามารถระบุและป้องกันการฉ้อโกงที่เกี่ยวข้องกับคริปโตเคอร์เรนซีได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ระบบนี้ทำงานโดยการวิเคราะห์ข้อมูลจากรายงานที่ส่งเข้ามาและสร้างฐานข้อมูลที่เชื่อถือได้สำหรับนักลงทุน

เครื่องมือนี้มาพร้อมกับฟังก์ชันการค้นหา ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบความเสี่ยงได้โดยพิมพ์ชื่อบริษัท ประเภทของการฉ้อโกง หรือคำสำคัญ อีกทั้งยังมีอภิธานศัพท์เกี่ยวกับคำศัพท์ที่พบบ่อยในตลาดคริปโต เพื่อให้ผู้ใช้งานเข้าใจกลโกงได้ดีขึ้น DFPI ยังระบุว่าระบบจะได้รับการอัปเดตเป็นประจำเมื่อมีกรณีฉ้อโกงใหม่ๆ เข้ามา

แม้ว่าข้อมูลที่ถูกบันทึกในเครื่องมือนี้จะไม่ได้รับการตรวจสอบโดยตรงจาก DFPI แต่ก็ถือเป็นแนวทางเบื้องต้นในการแจ้งเตือนนักลงทุน หากประชาชนพบข้อมูลที่ไม่ถูกต้องหรือมีข้อมูลใหม่เกี่ยวกับการฉ้อโกง สามารถแจ้งรายงานไปยัง DFPI ผ่านทางช่องทางออนไลน์ได้

จากรายงานของ DFPI ในปี 2024 พบว่ามีการรับรายงานเกี่ยวกับการฉ้อโกงคริปโตทั้งหมด 2,668 กรณี และสามารถปิดเว็บไซต์ที่เป็นอันตรายไปแล้ว 26 แห่ง คิดเป็นมูลค่าความเสียหายรวมราว 4.6 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 167 ล้านบาท)

นอกจากนี้ รายงานจากสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ (FBI) ในปี 2023 ระบุว่า แคลิฟอร์เนียเป็นรัฐที่มีจำนวนผู้เสียหายจากอาชญากรรมคริปโตมากที่สุดในประเทศ โดยมีมูลค่าความเสียหายสูงถึง 1.15 พันล้านดอลลาร์ (ราว 42,000 ล้านบาท) ในพื้นที่สำนักงาน FBI ซานฟรานซิสโกเพียงแห่งเดียว พบว่ามีผู้เสียหายถึง 1,226 คน รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 260 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 9,500 ล้านบาท)

ขณะเดียวกัน รัฐอื่นๆ อย่างนิวยอร์ก แมสซาชูเซตส์ และเท็กซัส ก็กำลังเข้มงวดมาตรการป้องกันการโกงคริปโต โดยสำนักงานอัยการนิวยอร์กตรวจสอบการฉ้อโกงผ่านหน่วยคุ้มครองผู้บริโภค ส่วนแมสซาชูเซตส์ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อติดตามกรณีทุจริต และเท็กซัสกับฟลอริดาก็มีระบบรับแจ้งเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการฉ้อโกงผ่านหน่วยงานคุ้มครองผู้บริโภค

ด้วยแนวโน้มการฉ้อโกงในตลาดคริปโตที่ยังคงเพิ่มขึ้น นักลงทุนจึงควรใช้เครื่องมือติดตามของ DFPI อย่างจริงจังเพื่อลดความเสี่ยง DFPI ย้ำว่า "สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการที่นักลงทุนตระหนักและศึกษารูปแบบของการฉ้อโกง เพื่อปกป้องเงินทุนของตนเอง"