SEC จับมือไบแนนซ์(Binance) ขอเลื่อนคดีอีก 60 วัน หวังผลจากหน่วยงานเฉพาะกิจคริปโต

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ(SEC) และแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตชื่อดัง ไบแนนซ์(Binance) ได้ร้องขอให้มีการ *เลื่อนกระบวนการดำเนินคดีเพิ่มอีก 60 วัน* ในข้อพิพาททางกฎหมายที่ยืดเยื้อมานานเกือบ 2 ปี โดยทั้งสองฝ่ายยื่นเอกสารร่วมต่อศาลแขวงสหรัฐประจำโคลัมเบีย ชี้แจงว่าขณะนี้กำลังพิจารณาผลกระทบของ ‘หน่วยงานเฉพาะกิจคริปโต’ ซึ่งเพิ่งจัดตั้งโดย SEC ต่อประเด็นต่างๆ ในคดีนี้

ตามรายงาน เริ่มต้นจากการที่ฝ่าย SEC เสนอต่อไบแนนซ์ให้ *ขยายเวลาการพิจารณาคดี* ออกไป โดยให้เหตุผลว่าเรื่องดังกล่าวมีความอ่อนไหว และจำเป็นต้องใช้เวลาในกระบวนการภายในเพื่อพิจารณาขอบเขตข้อพิพาท รวมถึงแนวทางการอนุมัติข้อตกลงใดๆ ที่อาจเกิดขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการหยิบยกประเด็นที่ SEC เพิ่งถอนฟ้องคดีต่อแพลตฟอร์มรายอื่นๆ อย่างเช่น คอยน์เบส(Coinbase), คราเคน(Kraken), เจมินี(Gemini), โรบินฮู้ด(Robinhood) และบริษัทเทคโนโลยีบล็อกเชนอย่าง คอนเซนซิส(ConsenSys) ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับแรงผลักดันในการยื่นขอเลื่อนในครั้งนี้

ทั้งนี้ SEC วางแผนว่าจะร่วมกับไบแนนซ์ยื่น *รายงานความคืบหน้าร่วมฉบับใหม่* ต่อศาลในช่วงกลางเดือนมิถุนายนนี้ ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคำร้องในลักษณะนี้ เนื่องจากในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทั้งสองฝ่ายก็เคยยื่นขอเลื่อนคดี 60 วันมาแล้ว และได้รับการอนุมัติจากศาลในเวลานั้น โดยจังหวะดังกล่าว สอดคล้องกับช่วงที่แกรี เกนส์เลอร์(Gary Gensler) ลาออกจากตำแหน่งประธาน SEC และมีการแต่งตั้ง มาร์ค อูเยดะ(Mark Uyeda) ซึ่งมีแนวทางสนับสนุนคริปโต ขึ้นเป็นประธานชั่วคราว

‘หน่วยงานเฉพาะกิจคริปโต’ ของ SEC เริ่มดำเนินการอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 21 มกราคม ปีนี้ หนึ่งวันหลังการลาออกของเกนส์เลอร์ โดยมุ่งจัดทำแนวทางเกี่ยวกับ *การลงทะเบียนคริปโต การเปิดเผยข้อมูล และการกำหนดกฎเกณฑ์ที่ชัดเจน* มากขึ้นในระบบการกำกับดูแล ซึ่งอาจมีผลต่อทิศทางของข้อพิพาทระหว่าง SEC กับไบแนนซ์ในอนาคต

คดีระหว่าง SEC และ *ไบแนนซ์เริ่มต้นเมื่อเดือนมิถุนายน 2023* โดย SEC ยื่นฟ้องไบแนนซ์ บริษัทในเครือ และซีอีโอ ฉางเผิง จ้าว(Changpeng Zhao) ด้วยข้อหาทั้งสิ้น 13 กระทง รวมถึงการขายหลักทรัพย์ที่ไม่จดทะเบียน การนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับโทเคน BNB และเหรียญ BUSD อย่างไม่เหมาะสม รวมถึงการละเมิดกฎในโปรแกรมสเตกกิ้ง คดีนี้ถือเป็นหนึ่งในข้อพิพาท *ที่ซับซ้อนและยืดเยื้อที่สุด* ระหว่างหน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐและผู้ให้บริการคริปโตระดับโลก

*ความคิดเห็น*: ท่าทีล่าสุดของ SEC อาจสะท้อนถึงแนวโน้มการปรับจุดยืนของหน่วยงานเมื่อมีผู้บริหารที่เป็นมิตรกับคริปโตเข้ามามีบทบาทในองค์กร ขณะเดียวกันการยืดเวลาในคดีกับไบแนนซ์อาจเป็นช่องให้ทั้งสองฝ่ายหาทางออกแบบประนีประนอมได้ในอนาคต