อีเธอเรียม(ETH) ETP ทำสถิติแซงหน้าบิตคอยน์(BTC) ETP เป็นครั้งแรก
เมื่อวันที่ 10 ตามรายงานของ CoinShares ตลาดกองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยน(ETP) ด้านคริปโตยังคงมีแนวโน้มไหลเข้าต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกัน โดยมีเม็ดเงินไหลเข้าสุทธิรวม 1.3 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 48,850 ล้านบาท) ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่น่าสนใจคือ ‘อีเธอเรียม ETP’ ทำสถิติดึงดูดเม็ดเงินมากกว่าบิตคอยน์ ETP เป็นครั้งแรก ด้วยจำนวนเงินไหลเข้าถึง 793 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 27,150 ล้านบาท) ซึ่งมากกว่าบิตคอยน์ ETP ถึง 95%
สาเหตุที่อีเธอเรียม ETP มีเม็ดเงินไหลเข้าสูงขึ้นคาดว่าเป็นผลมาจากราคาของ ETH ที่ร่วงต่ำกว่า 2,700 ดอลลาร์เมื่อวันที่ 6 ส่งผลให้นักลงทุนมองว่าเป็นโอกาสเข้าซื้อในช่วงปรับฐาน โดยเจมส์ บัตเตอร์ฟิล์ด หัวหน้าฝ่ายวิจัยของ CoinShares กล่าวว่า "การที่ราคาของ ETH ปรับฐานได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อ ทำให้เกิดกระแสเงินทุนไหลเข้าจำนวนมาก"
ในทางกลับกัน บิตคอยน์ ETP มีเม็ดเงินไหลเข้าสัปดาห์เดียวกันเพียง 407 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 13,950 ล้านบาท) ลดลง 19% จากสัปดาห์ก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมตั้งแต่ต้นปี บิตคอยน์ ETP ยังคงเป็นผู้นำในแง่ของมูลค่าการไหลเข้าสะสม ด้วยตัวเลขที่แตะ 6 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 210,000 ล้านบาท) ซึ่งสูงกว่าอีเธอเรียม ETP กว่า 5 เท่า
ไม่เพียงแต่อีเธอเรียมและบิตคอยน์ที่ได้รับความสนใจ กองทุนคริปโตอื่นๆ ก็มีแนวโน้มเงินไหลเข้าเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยริปเปิล(XRP) ETP มีเม็ดเงินไหลเข้าเพิ่มขึ้น 45% เป็น 21 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 715 ล้านบาท) ในขณะที่โซลานา(SOL) ETP เติบโตถึง 148% ด้วยเงินไหลเข้า 11.2 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 380 ล้านบาท)
แม้ว่าตลาด ETP คริปโตจะมีเงินไหลเข้าต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 5 แต่สินทรัพย์ภายใต้การบริหาร(AUM) กลับปรับตัวลดลง 4% มาอยู่ที่ 163 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 5.7 ล้านล้านบาท) ซึ่งลดลง 11% เมื่อเทียบกับจุดสูงสุดที่ 181 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 6.3 ล้านล้านบาท) ณ ปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยบัตเตอร์ฟิล์ดให้ความเห็นว่า "การปรับฐานราคาคริปโตล่าสุดเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้มูลค่ารวมของ AUM ลดลง"
ทั้งนี้ ในช่วงเวลาดังกล่าว iShares บิตคอยน์ ทรัสต์(IBIT) ของ BlackRock เป็นผลิตภัณฑ์ที่ดึงดูดเม็ดเงินเข้าสูงสุด 315 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 10,725 ล้านบาท) ขณะที่ Wise Origin บิตคอยน์ ฟันด์ ของ Fidelity กลับเผชิญกับกระแสเงินทุนไหลออกสูงสุดที่ 217 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 7,385 ล้านบาท)
ความคิดเห็น 0