ไพเน็ตเวิร์ก(Pi Network) เตรียมเปิดตัวเมนเน็ต 20 ก.พ. 2025 ราคาไพคอยน์(PI) พุ่ง 80%

เครือข่ายไพเน็ตเวิร์ก(Pi Network) เตรียมเปิดตัวเมนเน็ตอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2025 หลังจากการประกาศดังกล่าว ราคาของ ไพคอยน์(PI) พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ดึงดูดความสนใจจากตลาดคริปโต

ไพเน็ตเวิร์ก เปิดตัวครั้งแรกในปี 2019 โดยใช้ระบบ ‘การขุดผ่านมือถือ’ เพื่อสร้างคอมมูนิตี้ของผู้ใช้งาน อย่างไรก็ตาม กระบวนการเปิดตัวเมนเน็ตล่าช้าหลายครั้ง ทำให้เกิดทั้งความคาดหวังและความกังวลจากเหล่านักลงทุน แต่เมื่อมีการยืนยันวันเปิดตัวอย่างชัดเจน ผู้ใช้มากกว่า 19 ล้านคน (ที่ผ่านกระบวนการ KYC แล้ว) สามารถเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนผ่านไปยัง 'ออนเชน' ได้อย่างเต็มรูปแบบ โดยปัจจุบันมีผู้ใช้ประมาณ 10.14 ล้านคนที่ได้ทำการโยกย้ายสู่เมนเน็ตเรียบร้อยแล้ว

หลังจากการประกาศอย่างเป็นทางการ ราคาของไพคอยน์ พุ่งขึ้น 80% ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง แตะระดับ 92 ดอลลาร์ เทียบกับราคาก่อนหน้าที่อยู่ที่ 49 ดอลลาร์ นักวิเคราะห์เชื่อว่าการเปิดตัวเมนเน็ตจะช่วยเพิ่มศักยภาพการใช้งานจริงของเหรียญไพ ทำให้เกิดสภาพคล่องและประโยชน์ใช้สอยที่ชัดเจนยิ่งขึ้น

การเปิดตัวเมนเน็ตครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของไพเน็ตเวิร์ก โดยจะเปลี่ยนไปสู่ ‘โอเพนเน็ตเวิร์ก’ ที่สามารถเชื่อมต่อกับระบบภายนอกได้อย่างราบรื่น นำไปสู่การใช้ ไพคอยน์ ในอีโคซิสเต็มจริงได้มากขึ้น ปัจจุบันมีแอปพลิเคชันมากกว่า 100 รายการที่พัฒนาให้รองรับเมนเน็ตหรือกำลังอยู่ในช่วงปรับตัว ซึ่งช่วยเพิ่มศักยภาพของแพลตฟอร์มอย่างมีนัยสำคัญ

อีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงสำคัญคือระบบการดำเนินงานของ ‘โหนด(Node)’ ซึ่งจะเอื้อให้ผู้เข้าร่วมสามารถเปลี่ยนจาก ‘เทสเน็ต’ ไปสู่ ‘เมนเน็ต’ ได้ง่ายขึ้นหลังจากการยกเลิกไฟร์วอลล์ นอกจากนี้ ไพเน็ตเวิร์กยังเน้นย้ำถึงความปลอดภัย โดยกำหนดให้ขั้นตอนการยืนยันตัวตนผ่าน KYC เป็นข้อบังคับ ส่วนในกรณีขององค์กรธุรกิจ ต้องผ่านการตรวจสอบ KYB(Know Your Business) เช่นกัน

สำหรับผู้ใช้ที่ยังไม่ได้ผ่านกระบวนการ KYC ก็ยังสามารถเข้าร่วมเครือข่ายได้หลังจากเปิดตัวเมนเน็ตแล้ว ทางไพเน็ตเวิร์กสนับสนุนให้ผู้ใช้มีส่วนร่วมผ่าน ‘ไพบราวเซอร์(Pi Browser)’ เพื่อช่วยขยายอีโคซิสเต็มและเพิ่มโอกาสการเติบโตในอนาคต

นักวิเคราะห์บางรายคาดการณ์ว่า ราคาของ ไพคอยน์ อาจทะลุ 100 ดอลลาร์ หากสามารถขยายอีโคซิสเต็มและพัฒนาให้เหรียญมีการใช้งานจริงที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม ทิศทางของราคาในอนาคตยังคงขึ้นอยู่กับศักยภาพของแพลตฟอร์มและปัจจัยด้านตลาดโดยรวม