ก.ล.ต.ไทยเตรียมบล็อก 5 แพลตฟอร์มคริปโตชื่อดัง เริ่ม 28 มิ.ย. ป้องกันฟอกเงิน-คุ้มครองนักลงทุน

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ของไทย ประกาศเตรียม ‘บล็อกการเข้าถึง’ แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตจำนวน 5 แห่ง ตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายน โดยมีจุดประสงค์เพื่อปกป้องนักลงทุนและป้องกันการฟอกเงินผ่านช่องทางที่ไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งรายชื่อแพลตฟอร์มที่ถูกแบน ได้แก่ ไบร์บิท(Bybit), โอเคเอ็กซ์(OKX), 1000X, คอยน์เอ็กซ์(CoinEx) และ XT.COM

เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม ก.ล.ต. ออกแถลงการณ์ระบุว่า การดำเนินการครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนปฏิบัติการเชิงรุก โดยอาศัยอำนาจตามพระราชกำหนดป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 13 เมษายนที่ผ่านมา ทั้งนี้ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม มีบทบาทหลักในการดำเนินการด้านเทคนิคและบล็อกการเข้าถึงแพลตฟอร์มผิดกฎหมายเหล่านี้

ทางการไทยยังได้ปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับคริปโตเคอร์เรนซีและอาชญากรรมไซเบอร์ในเดือนเมษายน โดยเน้นการควบคุมบริการ P2P จากต่างประเทศที่ไม่ได้รับใบอนุญาตให้ดำเนินการในประเทศ ก.ล.ต. จึงได้ประสานงานกับกระทรวงดิจิทัลฯ เพื่อสั่งบล็อกแพลตฟอร์มที่ไม่ได้จดทะเบียนอย่างถูกต้อง รวมถึงแนะนำให้นักลงทุนดำเนินการจัดการทรัพย์สินของตนให้เรียบร้อยก่อนวันที่จะมีผลบังคับใช้การบล็อก

“การใช้บริการของแพลตฟอร์มที่ไม่ได้รับอนุญาตจะไม่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายไทย” ก.ล.ต. กล่าว พร้อมย้ำให้ประชาชนเลือกใช้แพลตฟอร์มที่ได้รับใบอนุญาตอย่างเป็นทางการเพื่อป้องกันความเสี่ยงและลดความเสียหาย ขณะนี้ยังไม่มีแถลงการณ์ใดจากไบร์บิทหรือโอเคเอ็กซ์เกี่ยวกับกรณีดังกล่าว

ในมุมกว้าง รัฐบาลไทยยังคงมีท่าทีที่ระมัดระวังและค่อยเป็นค่อยไปต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมคริปโต เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ประเทศไทยได้อนุมัติให้ใช้เหรียญ ‘เทเธอร์(USDT)’ และ ‘ยูเอสดีซี(USDC)’ สำหรับธุรกรรมคริปโตอย่างเป็นทางการ และในเดือนพฤษภาคม มีรายงานว่ารัฐบาลกำลังพิจารณาเปิดให้ชาวต่างชาติสามารถชำระค่าสินค้าและบริการผ่านคริปโตโดยเชื่อมต่อกับระบบบัตรเครดิต

นอกจากนี้ กระทรวงการคลังยังมีแผนออกตราสารหนี้ดิจิทัลในรูปแบบโทเคนการลงทุน มูลค่าประมาณ 2,050 ล้านบาท เป็นอีกหนึ่งความพยายามในการสร้างฐานรากเพื่อการเติบโตทางกฎหมายของตลาดคริปโต

*ความคิดเห็น*: การตัดสินใจของไทยครั้งนี้ แม้จะดูเหมือนเข้มงวด แต่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการจัดระเบียบอุตสาหกรรมคริปโตให้ชัดเจนมากขึ้น ท่ามกลางการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจดิจิทัลอย่างยั่งยืน