IMF กังวลแผนปากีสถานจัดสรรไฟฟ้า 2,000 เมกะวัตต์ ขุดบิตคอยน์(BTC) เสี่ยงกระทบโครงสร้างพลังงาน

รัฐบาลปากีสถานประกาศแผนจัดสรรกำลังไฟฟ้าขนาด 2,000 เมกะวัตต์เพื่อรองรับการขุดบิตคอยน์(BTC) และการดำเนินงานศูนย์ข้อมูลปัญญาประดิษฐ์(AI) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ระดับชาติในการดึงดูดอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล แต่แผนดังกล่าวกลับสร้างความกังวลให้กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF)

เมื่อวันที่ 21 (เวลาท้องถิ่น) มีรายงานว่า IMF ได้ร้องขอคำชี้แจงอย่างเร่งด่วนจากกระทรวงการคลังของปากีสถานเกี่ยวกับความชอบด้วยกฎหมายของการจัดสรรไฟฟ้าครั้งนี้ และความชัดเจนในเรื่องข้ออนุญาตของการขุดสกุลเงินดิจิทัล โดย IMF เปิดเผยว่าไม่ได้รับการแจ้งล่วงหน้าเกี่ยวกับแผนดังกล่าว และกังวลถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อโครงสร้างค่าพลังงานไฟฟ้าและกระบวนการจัดสรรทรัพยากรพลังงานในประเทศ

‘ความคิดเห็น’: สำหรับประเทศที่ต้องเผชิญปัญหาขาดแคลนไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องและแรงกดดันทางการคลัง การประกาศนโยบายในลักษณะนี้อาจเพิ่มความตึงเครียดในการเจรจากับ IMF ให้มากขึ้น

เจ้าหน้าที่รัฐบาลรายหนึ่งเปิดเผยโดยไม่เปิดเผยชื่อว่า “คณะเจรจา IMF ได้ตั้งคำถามที่เข้มงวดอยู่แล้ว และการประกาศครั้งนี้ยิ่งทำให้ทีมเศรษฐกิจของเราเผชิญสถานการณ์ลำบากยิ่งขึ้น” พร้อมระบุว่า กำลังมีการเตรียมจัดประชุมออนไลน์แยกเพื่อหารือกับ IMF โดยเฉพาะในประเด็นการจัดสรรพลังงานให้กับการขุดบิตคอยน์และพัฒนา AI

แผนดังกล่าวถูกเปิดเผยต่อสาธารณชนอย่างเป็นทางการในเวที ‘บิตคอยน์เวกัส 2025’ ที่จัดขึ้นในลาสเวกัส เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยบิราล บิน ซาคิป ที่ปรึกษาด้านสินทรัพย์ดิจิทัลของนายกรัฐมนตรีปากีสถาน ประกาศนโยบายกักเก็บบิตคอยน์ในระดับประเทศ พร้อมทั้งแผนเปิดตัวกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์สำหรับบิตคอยน์ภายใต้นโยบายรัฐ ซึ่งถูกมองว่าเป็นก้าวแรกของปากีสถานในการเปลี่ยนแปลงตนเองเป็นศูนย์กลางของการเงินดิจิทัล

ต่อมา เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม กระทรวงการคลังได้ให้การอนุมัติอย่างเป็นทางการแก่การจัดตั้ง ‘สำนักงานสินทรัพย์ดิจิทัลแห่งปากีสถาน (PDAA)’ โดย PDAA จะเป็นหน่วยงานกำกับดูแลระบบนิเวศสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งหมด ซึ่งรวมถึงการควบคุมดูแลตลาดซื้อขายคริปโต กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ เหรียญเสถียร แพลตฟอร์มดีไฟน์(DeFi) และโครงการโทเคนทรัพย์สินแห่งชาติ โดยตัวนโยบายตั้งเป้าให้สอดคล้องกับมาตรฐานของคณะทำงานป้องกันการฟอกเงินสากล(FATF)

แม้ปากีสถานจะเริ่มมีความเคลื่อนไหวเชิงรุกในแผนกักเก็บบิตคอยน์เชิงกลยุทธ์ แต่ก็มีข้อกังวลว่า หากขาด ‘ความร่วมมือจากองค์กรการเงินระหว่างประเทศอย่าง IMF’ ยุทธศาสตร์เหล่านี้อาจไม่สามารถสนับสนุนการฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะสั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ