อาเธอร์ เฮย์สชี้ BoJ อาจสร้างคลื่นบูมคริปโตใหม่ ดันบิตคอยน์(BTC) พุ่งสู่ 200,000 ดอลลาร์

อาเธอร์ เฮย์ส(Arthur Hayes) ผู้ร่วมก่อตั้งบิทเม็กซ์(BitMEX) แสดงความเห็นว่าความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) จะหันกลับมาใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินอีกครั้ง อาจจุดกระแส ‘การพุ่งขึ้นครั้งใหญ่’ ให้กับบิตคอยน์(BTC) และอีเธอเรียม(ETH) โดยเฉพาะหาก BoJ ตัดสินใจ ‘คงดอกเบี้ย’ หรือกลับมาใช้การผ่อนคลายเชิงปริมาณ(QE)ในที่ประชุมนโยบายการเงินวันที่ 17 มิถุนายนนี้ นักลงทุนต่างมองว่านี่อาจเป็นปัจจัยหนุนสำคัญของสภาพคล่องทั่วโลก และผลักดันตลาดคริปโตในทางบวก

ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ดำเนินนโยบายดอกเบี้ยต่ำมาอย่างยาวนาน แตกต่างอย่างชัดเจนจากแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยในสหรัฐและยุโรป อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ต่ำของญี่ปุ่นยังเปิดโอกาสให้นักลงทุนใช้เงินเยนเป็นเครื่องมือสร้างเลเวอเรจและเข้าลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น เฮย์สมองว่า “หากญี่ปุ่นเริ่มพิมพ์เงินอีกครั้ง บิตคอยน์อาจเป็นสินทรัพย์แรกที่ตอบสนอง และจะเป็น ‘สัญญาณเปิดฤดูกาล’ สำหรับตลาดคริปโตทั้งหมด”

แม้ธนาคารกลางญี่ปุ่นยังระบุว่ากำลังประเมินเวลาที่เหมาะสมในการยุตินโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเพื่อรับมือกับแรงกดดันเงินเฟ้อ แต่มีผู้เชี่ยวชาญบางรายเชื่อว่า คาซึโอะ อูเอดะ ผู้ว่าการ BoJ อาจเปลี่ยนทิศเป็นผ่อนคลายอีกครั้ง หากกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ความยืดหยุ่นของนโยบายการเงินญี่ปุ่นจึงกลายเป็นสิ่งที่ตลาดจับตามอง โดยเฉพาะสำหรับนักลงทุนที่เห็น *บิตคอยน์* เป็นทางเลือกป้องกันเงินเฟ้อ การเข้าสู่สภาพแวดล้อมแบบผ่อนคลายจะทำให้เกิดแรงซื้อที่แข็งแกร่งขึ้น

ด้านธนาคารระดับโลกอย่างสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ก็ได้ปรับเพิ่ม *ราคาเป้าหมายของบิตคอยน์* จากเดิมที่ 120,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 4.4 ล้านบาท) เป็น 200,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 7.4 ล้านบาท) ซึ่งสะท้อนถึงความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของ BTC ในตลาดสินทรัพย์โดยรวม นอกจากนี้ *กองทุน ETF ของบิตคอยน์* ยังมีเม็ดเงินไหลเข้าใหม่ในวันเดียวถึง 386.2 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.37 หมื่นล้านบาท) สะท้อนความมั่นใจที่ชัดเจนของนักลงทุนรายใหญ่

ราคาบิตคอยน์ล่าสุดอยู่ที่ราว 109,487 ดอลลาร์ (ประมาณ 3.95 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 2.5% เมื่อเทียบกับวันก่อน และยังครองมูลค่าตลาดที่สูงถึง 2.18 ล้านล้านดอลลาร์ (ประมาณ 79.7 ล้านล้านบาท) ซึ่งยังคงเป็นแกนหลักของตลาดคริปโตทั่วโลก

ปัจจุบันนักลงทุนกำลังจับตาการเคลื่อนไหวของธนาคารกลางญี่ปุ่นอย่างใกล้ชิด เนื่องจากหากเกิดการผ่อนคลายนโยบายการเงินขึ้นจริง อาจไม่ใช่แค่การส่งสัญญาณในประเทศเท่านั้น แต่ยังอาจกลายเป็น ‘จุดเปลี่ยน’ สำคัญของกระแสการลงทุนในระดับโลก และผลักดันความคาดหวังต่อบิตคอยน์และอีเธอเรียมให้กลายเป็นจริงเร็วขึ้นด้วย