ยอดใช้สเตเบิลคอยน์ในธุรกิจอเมริกันพุ่ง 3 เท่าในปีเดียว รายงาน Coinbase ชี้ SME สนใจเพิ่มกว่า 80%

ความสนใจในการใช้ *สเตเบิลคอยน์* ในหมู่ผู้บริหารของบริษัทขนาดใหญ่อเมริกันและธุรกิจขนาดกลางถึงเล็กเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดย *Coinbase* แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลชื่อดัง เปิดเผยรายงาน “State of Crypto” ฉบับปี 2024 เมื่อไม่นานนี้ว่า ความต้องการดังกล่าวมีจุดเริ่มต้นจากข้อจำกัดของระบบการชำระเงินแบบดั้งเดิม

ในรายงานระบุว่า ทาง Coinbase ได้จัดทำผลสำรวจโดยสอบถามผู้บริหารจากบริษัทขนาดใหญ่ 100 แห่งในกลุ่ม ฟอร์จูน 500 (Fortune 500) ซึ่งเป็นบริษัทที่มียอดขายสูงที่สุดในสหรัฐฯ ผลปรากฏว่า 29% ของกลุ่มตัวอย่างระบุว่าขณะนี้บริษัทของตนได้ถือครองหรือกำลังพิจารณานำ *สเตเบิลคอยน์* มาใช้งาน ซึ่งเมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีเพียง 8% ของผู้ตอบแบบสอบถามแสดงความสนใจ นั่นหมายถึงการเติบโตที่มากกว่า 3 เท่าในเวลาเพียงหนึ่งปี

*สเตเบิลคอยน์* เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ออกแบบมาเพื่อรักษาราคาคงที่ ซึ่งได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นในฐานะเป็นทางเลือกใหม่ในการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านการชำระเงินของภาคธุรกิจ โดยเฉพาะปัญหาความล่าช้าในการโอนเงินและค่าธรรมเนียมที่สูง ซึ่งถูกมองว่าเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้หลายบริษัทหันมาให้ความสนใจกับแนวทางใหม่นี้ ทั้งนี้มี 7% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่าได้มีการนำ *สเตเบิลคอยน์* มาใช้งานหรือถือครองอยู่แล้วในปัจจุบัน

ไม่เพียงแต่บริษัทขนาดใหญ่เท่านั้น ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่มีพนักงานไม่เกิน 500 คนก็แสดงท่าทีเชิงบวกเช่นเดียวกัน โดยจากการสำรวจความเห็นผู้มีอำนาจในการตัดสินใจด้านการเงินของธุรกิจ SME จำนวน 251 ราย ปรากฏว่า 81% แสดงความสนใจใน *สเตเบิลคอยน์* เพิ่มขึ้นจาก 61% เมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนให้เห็นการเปลี่ยนแปลงเชิงพฤติกรรมอย่างรวดเร็ว

อีกทั้ง 46% ของผู้ตอบแบบสอบถามกลุ่ม SME ระบุว่ามีแนวโน้มสูงที่จะนำคริปโตมาใช้งานจริงภายใน 3 ปีข้างหน้า โดย Coinbase วิเคราะห์ว่า ความต้องการนี้เกิดจากการที่ผู้บริโภคและภาคธุรกิจ—ทั้งขนาดเล็กและใหญ่—เชื่อว่า *สเตเบิลคอยน์* สามารถแก้ไขปัญหาทางการเงินที่ซับซ้อนได้ เช่น ลดค่าธรรมเนียมและเพิ่มความเร็วในการโอนเงินระหว่างประเทศ ซึ่งมีถึงกว่า 82% ของผู้ตอบแบบสอบถามจากกลุ่ม SME ที่เห็นว่าคอยน์เหล่านี้สามารถช่วยแก้ปัญหาทางการเงินอย่างน้อยหนึ่งด้านได้จริง

รายงานของ Coinbase ชี้ให้เห็นว่า ภาคธุรกิจไม่ได้มองคริปโตแค่ในฐานะเทคโนโลยีแห่งอนาคตอีกต่อไป แต่กลับเห็นบทบาทที่จับต้องได้จริงในการเติมเต็มประสิทธิภาพและความโปร่งใสที่ระบบการเงินแบบเดิมยังไม่สามารถตอบโจทย์ได้ แม้ความไม่แน่นอนด้านกฎหมายและความเสี่ยงยังคงมีอยู่ แต่ข้อจำกัดของระบบดั้งเดิมดูเหมือนจะผลักดันให้ภาคธุรกิจยิ่งมีแรงจูงใจมากขึ้นในการนำ *สเตเบิลคอยน์* เข้ามาใช้งานในชีวิตจริง