DeFi บนเครือข่ายบิตคอยน์(BTC) แรงไม่หยุด! ผู้เชี่ยวชาญชี้คือรากฐานของการเงินใหม่

แพลตฟอร์มการเงินแบบไร้ศูนย์กลาง(DeFi) รุ่นใหม่ในระบบนิเวศของบิตคอยน์(BTC) กำลังเดินหน้าอย่างแข็งแกร่ง ส่งผลให้บทบาทของบิตคอยน์ก้าวข้ามจากการเป็นเพียงทรัพย์สินที่ใช้เก็บมูลค่า กลายเป็น ‘สินทรัพย์เชิงรุก’ ท้าทายระบบการเงินแบบดั้งเดิม

เมื่อวันที่ 24 ที่ผ่านมา (เวลาท้องถิ่น) การประชุม ‘Bitcoin 2025’ ที่ลาสเวกัส กล่าวถึงความมั่นใจว่าเทคโนโลยีที่พัฒนาอยู่บนเครือข่ายบิตคอยน์จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของการเติบโตในโลก DeFi โดยแนวคิดเดิมของผู้พัฒนาเครือข่ายในช่วงแรก ที่คาดหวังถึงระบบการเงินแยกตัวจากสกุลเงินที่ออกโดยรัฐบาล กำลังกลายเป็นความจริง

งานนี้รวบรวมโครงการ DeFi ชั้นนำที่สร้างขึ้นบนระบบของบิตคอยน์ เช่น ลิควิดเน็ตเวิร์ก (Liquid Network) ซึ่งต่างนำเสนอเทคโนโลยีและแอปพลิเคชันใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มการใช้งานของบิตคอยน์ในภาคการเงิน ความเห็นในอุตสาหกรรมสะท้อนถึงการยอมรับร่วมกันว่า บิตคอยน์ได้กลายเป็น ‘รากฐาน’ ของการเงินใหม่ และ DeFi ที่มีบิตคอยน์เป็นแกนก็ขยายตัวอย่างรวดเร็ว

*คำ* ที่เน้นจากผู้เล่นสำคัญในอุตสาหกรรมคือ บิตคอยน์ไม่ควรเป็นสินทรัพย์แบบพึ่งพิงอีกต่อไป เจค็อบ ฟิลลิปส์ ผู้ร่วมก่อตั้งลอมบาร์ดไฟแนนซ์(Lombard Finance) ระบุว่า “บิตคอยน์ DeFi ตั้งอยู่บนหลักของระบบการเงินที่ไม่ต้องพึ่งพาความเชื่อถือหรือการอนุญาต เปลี่ยนบิตคอยน์จากทรัพย์สินนิ่งไปสู่ทรัพย์สินที่เคลื่อนไหวได้ทางการเงิน” แพลตฟอร์ม LBTC ของลอมบาร์ดช่วยให้ผู้ใช้สามารถนำบิตคอยน์ไปสเตกในบาบิโลนเชน และใช้เป็นหลักประกันเพื่อทำกิจกรรม DeFi เช่น การกู้ยืมหรือเทรดในแพลตฟอร์มอื่น ๆ

ทางด้านเอเดรียน ไอดีลแมน ผู้อำนวยการผลิตภัณฑ์ของรูตสต็อกแล็บส์(RootstockLabs) ย้ำว่าโซลูชันเลเยอร์ 2 ของบิตคอยน์มีความสำคัญอย่างยิ่ง “ไม่มีบล็อกเชนใดที่มีศักยภาพเป็นพื้นฐานของการเงินใหม่ได้เท่ากับบิตคอยน์” เขายังกล่าวว่าบิตคอยน์จะเป็นศูนย์กลางของการขยายการเข้าถึงทางการเงินผ่านสมาร์ตคอนแทรกต์อีกด้วย โดยข้อมูลล่าสุดในไตรมาสแรกของปี 2025 แสดงให้เห็นว่าระบบเหมืองรวมของรูตสต็อกพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมทั้งมีการขยายผ่านไซด์เชนและบริดจ์เชื่อมโยงต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ชาร์ลี ฮู ผู้ร่วมก่อตั้งบิทเลเยอร์(Bitlayer) มีมุมมองต่างออกไป เขาเน้นถึงความสำคัญของ ‘ความสมบูรณ์ของข้อมูล’ และ ‘อำนาจในการควบคุมทรัพย์สินของผู้ใช้’ บนเครือข่ายหลักของบิตคอยน์ โดยเตือนว่าการใช้ไซด์เชนอาจทำลายหลักการพื้นฐานของบิตคอยน์ และจำเป็นต้องระมัดระวังในการพัฒนาระบบ

*ความคิดเห็น* ที่น่าสนใจในงานยังกล่าวถึงความเสี่ยงด้านนโยบาย โดยเฉพาะประสบการณ์ในช่วงรัฐบาลประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งมีการออกมาตรการควบคุมสินทรัพย์ดิจิทัลเข้มงวดขึ้น ทำให้ผู้พัฒนาต้องเตรียมรับมือกับความไม่แน่นอนเชิงกฎหมายที่อาจเกิดขึ้น แม้กระนั้น ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ปรากฏอยู่ในขณะนี้ บ่งชี้ว่าบิตคอยน์กำลังเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขันในโลก DeFi อย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง