แม็กซ์ ไคเซอร์เตือน 'ช็อกอุปทานบิตคอยน์(BTC)' ใกล้เกิดจริง จับตาราคาพุ่งแรง

แม็กซ์ ไคเซอร์ ผู้สนับสนุน *บิตคอยน์(BTC)* รายใหญ่และที่ปรึกษาด้านบิตคอยน์ของประธานาธิบดีเอลซัลวาดอร์ ออกมาเตือนเกี่ยวกับ ‘*ภาวะช็อกด้านอุปทานของบิตคอยน์*’ ที่อาจเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ โดยมีมุมมองสอดคล้องกับ แซมซัน โมว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทลงทุนด้านคริปโต อย่างแจนทรี (JAN3) ซึ่งเป็นกระบอกเสียงหลักของกระแสบิตคอยน์สายขาขึ้นช่วงต้นปีที่ผ่านมา

ไคเซอร์ เปิดเผยผ่านโซเชียลมีเดียเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า เมื่อพิจารณาตามหลักคณิตศาสตร์แล้ว เขา *คาดการณ์ว่าอุปทานของบิตคอยน์กำลังเข้าสู่จุดเปลี่ยนสำคัญ* ซึ่งอาจนำไปสู่การพุ่งขึ้นของราคาอย่างมีนัยสำคัญ

ทั้งไคเซอร์และโมวต่างอ้างอิงโครงสร้างอุปทานของบิตคอยน์เป็นหลักฐานสนับสนุน โดย *บิตคอยน์มีเพดานการผลิตอยู่ที่ 21 ล้านเหรียญ* ตามที่ซาโตชิ นากาโมโตะ ผู้สร้างระบบได้ออกแบบไว้ ปัจจุบันมีการขุดไปแล้วกว่า 20 ล้านเหรียญ และเข้าสู่ช่วง ‘การลดรางวัล’ ที่เกิดขึ้นทุก 4 ปี โดยล่าสุด เมื่อวันที่ 20 เมษายนได้เกิด ‘การลดรางวัลครั้งที่ 4’ ทำให้รางวัลต่อบล็อกลดลงครึ่งหนึ่งเหลือ 3.125 BTC เท่านั้น

โมว ให้ความเห็นว่าไม่เพียงแต่อุปทานจะหดตัว แต่ยังอาจเกิด ‘*ภาวะช็อกด้านอุปสงค์*’ ควบคู่กันด้วย โดยชี้ไปที่กองทุน ETF บิตคอยน์แบบ Spot ที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ(SEC) ว่าได้เร่งดูดซับสภาพคล่องในตลาดอย่างรวดเร็ว ตัวอย่างสำคัญคือ กองทุน ไอแชร์ส บิตคอยน์ ทรัสต์ (IBIT) ของแบล็คร็อก ที่ซื้อบิตคอยน์เป็นมูลค่าหลายแสนล้านบาทในช่วงปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้ *ไมโครสเตรทจี(MSTR)* ที่นำโดยผู้ร่วมก่อตั้ง ไมเคิล เซย์เลอร์ ก็ได้ระดมทุนผ่านพันธบัตรแปลงสภาพเพื่อเข้าซื้อบิตคอยน์เพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ขณะนี้บริษัทถือครองบิตคอยน์เกิน 500,000 BTC ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดในภาคเอกชน รองจาก ETF ต่าง ๆ

ท่ามกลางกระแสเหล่านี้ บริษัทหน้าใหม่ที่ใช้บิตคอยน์เป็นสินทรัพย์ยุทธศาสตร์ เช่น เมตาแพลนเน็ต และโปรแคปBTC ก็เริ่มเข้ามามีบทบาทอย่างแข็งแกร่ง เช่นเดียวกับนักลงทุนชื่อดังอย่าง แอนโทนี พอมเพลียโน ที่เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน

*ความคิดเห็น*: หากทั้งอุปสงค์และอุปทานของบิตคอยน์เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบรุนแรงพร้อมกัน ตลาดอาจเข้าสู่ ‘เฟสใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน’ ซึ่งจะเปลี่ยนแนวคิดแบบเดิมเกี่ยวกับการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล และเปิดทางให้ *บิตคอยน์* ขยับสถานะจากสินทรัพย์ทางเลือกสู่ ‘สกุลเงินมหภาคทางเลือก’ ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ผันผวนมากขึ้น