หลังจากที่เจ้าหนี้ของ FTX เริ่มได้รับการชดเชย การอภิปรายเกี่ยวกับบทเรียนที่ได้รับจากเหตุการณ์นี้และแผนการในอนาคตเริ่มเข้มข้นขึ้น FTX ประกาศล้มละลายเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2022 สร้างความเสียหายมหาศาลให้กับนักลงทุนหลายล้านคน บางรายถึงขั้นเผชิญกับวิกฤติทางการเงินที่รุนแรง
ในกระบวนการชดเชยครั้งนี้ เจ้าหนี้รายย่อยที่มีความเสียหายไม่เกิน 50,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 72 ล้านบาท) จะได้รับเงินต้นคืนเต็มจำนวนพร้อมดอกเบี้ย 9% ต่อปี อย่างไรก็ตาม การได้รับเงินคืนไม่ได้หมายความว่าความเสียหายทั้งหมดได้รับการแก้ไข ซูนิล คาบูรี เจ้าหนี้รายหนึ่งกล่าวว่า "พวกเราสูญเสียมากกว่าแค่เงิน ผมวางแผนจะใช้เงินนี้ซื้อบ้านและเป็นทุนการศึกษาของลูก แต่ทุกอย่างพังลงในพริบตา และบางคนถึงกับตัดสินใจกระทำการขั้นสุดท้าย"
เหตุการณ์ล้มละลายของ FTX ได้เน้นย้ำถึง ‘ความเสี่ยงของศูนย์กลางซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (CEX)’ อีกครั้ง เจ้าหนี้คนหนึ่งกล่าวว่า "การฝากสินทรัพย์ดิจิทัลไว้กับแพลตฟอร์มซื้อขายมีความเสี่ยงสูงที่จะสูญเสียสินทรัพย์ทุกเมื่อ" และแนะนำให้หันมาใช้การเก็บรักษาทรัพย์สินด้วยตนเอง (‘Self-custody’) เพื่อป้องกันผลกระทบจากปัญหาสภาพคล่อง
หลังจากการล้มละลายของ FTX เจ้าหนี้หลายรายตัดสินใจขายสิทธิ์เรียกร้องจากหนี้ของตน เนื่องจากความไม่แน่นอนด้านสภาพคล่อง ตามการประเมิน พบว่ามีการซื้อขายสิทธิ์เรียกร้องไปแล้วไม่น้อยกว่า 10,000 รายการภายในสิ้นปี 2022 นักวิเคราะห์ระบุว่า "ประมาณ 50% ของเจ้าหนี้เลือกขายสิทธิ์เรียกร้องของตน เนื่องจากความเครียดและความไม่แน่นอนที่ยืดเยื้อ"
กระบวนการทางกฎหมายของ FTX ก็ยังคงเต็มไปด้วยข้อถกเถียง บริษัทกฎหมาย ‘ซัลลิแวน แอนด์ ครอมเวลล์ (Sullivan & Cromwell)’ ซึ่งให้คำปรึกษาด้านกฎหมายแก่ FTX เรียกเก็บค่าธรรมเนียมมากกว่า 215 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3.1 พันล้านบาท) สำหรับการช่วยเหลือเจ้าหนี้ โดยในช่วงก่อนเดือนกุมภาพันธ์ 2024 ค่าใช้จ่ายทางกฎหมายสูงถึง 10 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 144 ล้านบาท) ต่อเดือน ก่อนจะลดลงเป็น 7 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 101 ล้านบาท) ต่อเดือนในช่วงล่าสุด
ขณะเดียวกัน แซม แบงค์แมน-ฟริด(Sam Bankman-Fried) ผู้ก่อตั้ง FTX ถูกศาลรัฐบาลกลางสหรัฐตัดสินจำคุก 25 ปีเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา จากข้อหาฉ้อโกงลูกค้าและนักลงทุน
กระบวนการชดเชยคาดว่าจะดำเนินต่อไปจนถึงปี 2025 โดยเจ้าหนี้ที่ได้รับผลกระทบเกิน 50,000 ดอลลาร์ ยังคงต้องรอการเยียวยาเพิ่มเติม FTX มีแผนคืนเงินให้กับเจ้าหนี้รวม 17,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2.44 ล้านล้านบาท) โดยแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลอย่าง ‘คราเคน (Kraken)’ และ ‘บิตโก (BitGo)’ กำลังสนับสนุนกระบวนการจ่ายเงินคืนให้แก่เจ้าหนี้
ความคิดเห็น 0