ทรัมป์เร่งกำกับสเตเบิลคอยน์ ขณะตลาดเกิดใหม่หันพึ่งสินทรัพย์ดิจิทัล

ในขณะที่การเติบโตของ 'สเตเบิลคอยน์' กำลังเร่งตัวขึ้นทั่วโลก ความสนใจกลับพุ่งไปที่วิธีที่รัฐบาลของทรัมป์จะนำมาใช้ในการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทนี้

ในตลาดเกิดใหม่ สเตเบิลคอยน์กำลังกลายเป็นทางเลือกสำคัญในการเสริมระบบการเงินแบบดั้งเดิม โดยเฉพาะในประเทศที่เผชิญกับภาวะเงินเฟ้อสูง เช่น 'อาร์เจนตินา' และ 'เวเนซุเอลา' ซึ่งประชาชนหันมาใช้สเตเบิลคอยน์ที่อิงกับ 'ดอลลาร์สหรัฐ' เพื่อป้องกันการลดค่าของเงินท้องถิ่น ขณะที่ในพื้นที่อย่าง 'แอฟริกา' และ 'ลาตินอเมริกา' สเตเบิลคอยน์กลายเป็นเครื่องมือหลักในการโอนเงินข้ามพรมแดน ด้วยความเชื่อมั่นที่ลดลงต่อธนาคารกลางและข้อจำกัดในการเข้าถึงตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ สินทรัพย์ดิจิทัลเหล่านี้จึงได้รับการยอมรับมากขึ้นในฐานะเครื่องมือทางการเงินที่ขาดไม่ได้

ข้อมูลจากการวิจัยตลาดระบุว่า ‘เทเธอร์(USDT)’ และ ‘ยูเอสดีคอยน์(USDC)’ ซึ่งเป็นสเตเบิลคอยน์ที่อิงกับดอลลาร์ เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในตลาดเกิดใหม่ รายงานล่าสุดจาก 'เชนแอนาลิซิส(Chainalysis)' ระบุว่า ในพื้นที่ 'แอฟริกา', 'ยุโรปตะวันออก', 'ลาตินอเมริกา' และ 'เอเชีย' การทำธุรกรรมด้วยสเตเบิลคอยน์คิดเป็นสัดส่วนมากกว่าครึ่งของปริมาณธุรกรรมคริปโตทั้งหมด

จากแนวโน้มการเติบโตดังกล่าว รัฐบาลของทรัมป์จึงเร่งดำเนินนโยบายควบคุมสเตเบิลคอยน์ โดย 'เดวิด แซคส์(David Sacks)' ผู้รับผิดชอบนโยบายคริปโตของทำเนียบขาว กล่าวในสุนทรพจน์ล่าสุดว่า กฎระเบียบเกี่ยวกับสเตเบิลคอยน์จะเป็นวาระเร่งด่วนของรัฐบาลในอีก 6 เดือนข้างหน้า ขณะเดียวกัน สภาสูงของสหรัฐฯ ก็กำลังพิจารณาร่างกฎหมายที่มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความชัดเจนด้านกฎระเบียบของสินทรัพย์ประเภทนี้

นโยบายของรัฐบาลทรัมป์ต่อสเตเบิลคอยน์จะส่งผลสำคัญต่อทิศทางนวัตกรรมการเงินดิจิทัลในสหรัฐฯ อุตสาหกรรมการเงินมองว่า อาจมีการบูรณาการสเตเบิลคอยน์เข้ากับตลาดทุน ซึ่งจะช่วยเสริมสถานะของ 'ดอลลาร์สหรัฐ' ในระบบการเงินโลก รายงานจาก 'วีซา(VISA)' และ 'แคสเซิลไอแลนด์เวนเจอร์ส(Castle Island Ventures)' ยังชี้ให้เห็นว่า สเตเบิลคอยน์อาจเป็นเทคโนโลยีที่นำพาการปฏิวัติระบบการชำระเงินทั่วโลก

หากสหรัฐฯ ไม่เร่งดำเนินมาตรการตอบสนองต่อการเติบโตของสเตเบิลคอยน์ ตลาดเกิดใหม่ที่นำร่องใช้สินทรัพย์ดิจิทัลเหล่านี้แล้ว อาจลดบทบาทของสหรัฐฯ ในโครงสร้างการเงินโลก นักวิเคราะห์จึงจับตามองว่า การกำหนดนโยบายของรัฐบาลทรัมป์ในอนาคตจะส่งผลต่ออุตสาหกรรมสเตเบิลคอยน์อย่างไร