IMF รับคริปโตฯ มีผลต่อเศรษฐกิจจริง พร้อมดันบิตคอยน์(BTC) เข้าระบบคำนวณ GDP ปี 2025

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF) ได้ออกมายอมรับถึง ‘อิทธิพลทางเศรษฐกิจ’ ของ *บิตคอยน์(BTC)* และสินทรัพย์ดิจิทัล แต่ยังไม่รวมอยู่ในระบบสถิติอย่างเป็นทางการ สะท้อนให้เห็นว่า แม้ *คริปโตเคอร์เรนซี* จะใช้พลังงานมหาศาลและสร้างผลกระทบระดับโลก แต่ยังคงอยู่นอกระบบบัญชีเศรษฐกิจแบบดั้งเดิม

เมื่อไม่นานมานี้ IMF ได้เปิดเผยรายงานเกี่ยวกับการปรับปรุงมาตรฐานบัญชีรายได้ประชาชาติ หรือ *ระบบบัญชีแห่งชาติ ปี 2025 (2025 SNA)* ซึ่งอิงจากความร่วมมือของสถาบันระหว่างประเทศ อาทิ สหประชาชาติและ IMF โดยได้ผ่านการอนุมัติไปแล้วเมื่อต้นปี จุดมุ่งหมายของการปรับครั้งนี้คือการทำให้สามารถวัดผลทางเศรษฐกิจจากเทคโนโลยีดิจิทัลและเศรษฐกิจข้อมูลได้ดีขึ้น

‘สิ่งที่น่าสนใจ’ คือ การที่ *คริปโตเคอร์เรนซี* ถูกระบุให้มีบทบาทใน *การคำนวณ GDP* เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ทั้งนี้ มาตรฐานเดิมที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2008 นั้น ไม่รวมสกุลเงินดิจิทัล เพราะในเวลานั้น *บิตคอยน์* ยังไม่ได้ถือกำเนิด และการถือครองสินทรัพย์ที่ไม่สร้างสินค้าและบริการก็ไม่ได้ถูกนับเป็นกิจกรรมทางเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมูลค่าที่เกิดขึ้นจาก *การขุดบิตคอยน์* ได้ใช้พลังงานในระดับใกล้เคียงกับ *การใช้ไฟฟ้าทั้งประเทศของอาร์เจนตินา* ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่ไม่อาจมองข้ามได้อีกต่อไป

IMF เห็นว่า เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ไม่ได้อิงกับสินค้าจับต้องได้ กลับสามารถสร้าง ‘มูลค่าทางเศรษฐกิจ’ ได้จริง ไม่เพียงแต่ *คริปโตเคอร์เรนซี* เท่านั้น แต่ยังรวมถึง *ปัญญาประดิษฐ์ (AI)*, *คลาวด์คอมพิวติ้ง*, และ *อีคอมเมิร์ซ* ซึ่งควรถูกรวมอยู่ในกรอบสถิติศูนย์กลางเช่นกัน โดยคาดว่า แนวทางใหม่นี้จะเริ่มถูกทยอยนำไปใช้งานในระบบของแต่ละประเทศ และตั้งเป้าที่จะนำไปใช้ในระดับสากลภายในปี 2030

แวดวงสินทรัพย์ดิจิทัลมองว่า การปรับปรุงครั้งนี้คือ *จุดเปลี่ยนสำคัญ* ที่สะท้อนว่า ตลาดคริปโตฯ ไม่ได้อยู่นอกสายตานักวิเคราะห์เศรษฐกิจอีกต่อไป IMF ยังได้กระตุ้นให้รัฐบาลต่างๆ นำแนวทางใหม่มาใช้โดยเร็ว เพื่อวางฐานข้อมูลทางเศรษฐกิจที่รองรับสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคตอย่างเป็นทางการ