คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) และคณะกรรมการกำกับการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า (CFTC) ได้ออกแถลงการณ์ร่วมกันเมื่อวันที่ 24 โดยประกาศให้สามารถซื้อขาย ‘สินค้าคริปโตประเภทสปอต’ บนแพลตฟอร์มที่ขึ้นทะเบียนได้อย่างถูกต้อง สะท้อนถึง ‘การเปลี่ยนแปลงเชิงระบบ’ ครั้งสำคัญของตลาดคริปโตในสหรัฐ โดยการประกาศฉบับนี้ยังเน้นย้ำว่าทั้งสองหน่วยงานจะร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดมากขึ้นในการผลักดันให้คริปโตได้รับการจัดประเภทเป็น ‘สินค้าโภคภัณฑ์’ (Commodity) แทนที่จะเป็น ‘หลักทรัพย์’ (Security)
นักวิเคราะห์ต่างมองว่าความเคลื่อนไหวนี้ถือเป็น ‘สัญญาณแรก’ จากภาครัฐที่เปิดทางให้กับนวัตกรรมการเงินบนบล็อกเชนที่เคยชะงักงันจากปัญหาความไม่ชัดเจนของระเบียบ ในมุมมองของ พอล แอทกินส์(Paul Atkins) ประธาน SEC ระบุว่า “แถลงการณ์นี้คือหมุดหมายสำคัญที่ปลุกกระแสนวัตกรรมในตลาดคริปโตของสหรัฐอีกครั้ง ผู้ใช้งานควรมีสิทธิ์ในการตัดสินใจด้วยตนเองว่าจะซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลผ่านแพลตฟอร์มใด”
บรรยากาศการยอมรับคริปโตจากภาคการเงินกระแสหลักเริ่มปรากฏให้เห็นชัดขึ้น โดย เนต เจอราซี(Nate Geraci) ซีอีโอจาก NovaDius มองว่า “การอนุญาตให้ซื้อขายคริปโตบนตลาดหลักทรัพย์ที่ขึ้นทะเบียนเท่ากับเป็นก้าวสำคัญในการพาคริปโต ‘ก้าวสู่กระแสหลัก’ อย่างแท้จริง และอาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการซื้อขายคริปโตบนบอร์ดใหญ่ เช่น ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (NYSE) และแนสแด็ก (Nasdaq)” เขายังเสริมด้วยว่า “ก้าวต่อไปคือการบูรณาการคริปโตเข้ากับโครงสร้างทุกส่วนของบริษัทโบรกเกอร์แบบดั้งเดิม” — ความคิดเห็น
ขณะที่ แคโรไลน์ ฟาม(Caroline Pham) รักษาการประธาน CFTC กล่าวว่า “สิ่งที่เคยเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของนวัตกรรม ตอนนี้กำลังจะกลายเป็นอดีต SEC และ CFTC จะร่วมกันออกแบบ ‘กรอบกำกับดูแลเชิงนวัตกรรม’ ที่ตอบโจทย์ยุคใหม่” โดยทั้งสองหน่วยงานมีการดำเนินโครงการอย่าง Project Crypto และ Crypto Sprint เพื่อเปิดพื้นที่ในการทำงานร่วมกับผู้พัฒนาเทคโนโลยีและนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง
การเปิดทางให้ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในสหรัฐครั้งนี้ ยังสอดคล้องกับแนวทางล่าสุดของ CFTC ที่ได้อนุญาตให้นักลงทุนชาวอเมริกันสามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มคริปโตจากต่างประเทศได้ โดยผู้เชี่ยวชาญคาดว่า นโยบายใหม่นี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของการขยายตัวในกลุ่มสินค้าคริปโตประเภท ETF และอนุพันธ์ ซึ่งในอดีตเคยติดปัญหาเรื่องความไม่ชัดเจนด้านกฎหมาย
ตลาดยังไม่ตอบสนองอย่างหวือหวา โดยมูลค่าตลาดรวมของสินทรัพย์ดิจิทัลอยู่ที่ราว 3.91 ล้านล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 5,432 ล้านล้านวอน บิตคอยน์(BTC) ฟื้นตัวแตะระดับ 111,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 15.4 ล้านบาท) ขณะที่ อีเธอเรียม(ETH) ถอยลงมาอยู่ที่ 4,300 ดอลลาร์ (ประมาณ 597,000 บาท) แสดงให้เห็นถึงอาการ ‘เหนื่อยล้าหลังจากการปรับตัวขึ้น’ อย่างไรก็ตาม โซลานา(SOL) และบิตคอยน์แคช(BCH) กลับมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นท่ามกลางตลาด
นักวิเคราะห์ตลาดชี้ว่า โอกาสในการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐในไตรมาส 4 อาจเป็น ‘ปัจจัยกระตุ้นรอบขาขึ้นรอบใหม่’ และเมื่อผสานกับความชัดเจนด้านกฎระเบียบ ก็จะกลายเป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนสถาบัน กลายเป็นน้ำมันหล่อลื่นสำคัญขับเคลื่อนการไหลเข้าของเงินทุน — ความคิดเห็น
ท้ายที่สุด ประสิทธิภาพของจุดยืนร่วมระหว่าง SEC และ CFTC จะถูกตัดสินโดย ‘เสียงตอบรับของภาคอุตสาหกรรม’ ว่าจะเคลื่อนตัวไปในทิศทางใดและเร็วเพียงใด
ความคิดเห็น 0