Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

เมกา แมทริกซ์ทุ่ม 2 หมื่นล้านดอลลาร์ เข้าลงทุนเอเธนา(ENA) หวังผลตอบแทนจากโครงสร้าง staking

เมกา แมทริกซ์ทุ่ม 2 หมื่นล้านดอลลาร์ เข้าลงทุนเอเธนา(ENA) หวังผลตอบแทนจากโครงสร้าง staking / Tokenpost

เมกา แมทริกซ์(Mega Matrix) บริษัทโฮลดิงที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้เริ่มเดินหน้ากลยุทธ์ด้านสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างจริงจัง ด้วยการยื่นแบบ *shelf registration* ต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ(SEC) วงเงินสูงถึง 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2.78 ล้านล้านบาท) เพื่อลงทุนในระบบนิเวศ *เอเธนา(ENA)* โดยตรง ซึ่งกลายเป็นประเด็นฮือฮาในตลาดคริปโตอย่างรวดเร็ว

*shelf registration* เป็นหลักปฏิบัติที่เปิดทางให้บริษัทสามารถออกหลักทรัพย์เพื่อระดมทุนในอนาคตได้อย่างคล่องตัว ในกรณีนี้ เมกา แมทริกซ์เผยว่าจะนำเงินที่ระดมได้ไปลงทุนเฉพาะในระบบนิเวศเอเธนา โดยมุ่งเน้นการเข้าถือหุ้น ENA ซึ่งเป็นโทเคนกำกับดูแลของโครงการ เพื่อให้บริษัทสามารถเปิดรับรายได้จากโครงสร้างผลตอบแทนของระบบนี้ได้โดยตรง

ด้วยการถือครอง ENA นักลงทุนสามารถใช้ประโยชน์จากกลไก ‘fee-switch’ ซึ่งเปิดโอกาสให้แบ่งรายได้ค่าธรรมเนียมบางส่วนจากกิจกรรมของผู้ใช้งานบนเครือข่าย ความเคลื่อนไหวนี้จึงสะท้อนถึงความตั้งใจของเมกา แมทริกซ์ที่จะขับเคลื่อนทั้งในด้าน ‘ผลตอบแทน’ และ ‘บทบาทกำกับดูแล’ ภายในระบบนิเวศของเอเธนา

“โครงสร้างกลยุทธ์ใหม่นี้เป็นการโฟกัสเฉพาะที่โทเคน ENA ไม่กระจายการถือครองไปยังสินทรัพย์อื่น โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มอิทธิพลและผลตอบแทนให้สูงสุด” บริษัทระบุ

เบื้องหลังของท่าทีนี้ คือแนวโน้มที่เติบโตอย่างต่อเนื่องของ *กลยุทธ์การบริหารทุนสำรองด้วยสินทรัพย์ดิจิทัล* เช่นเดียวกับความสำเร็จของบริษัทอย่าง *เซอร์เคิล(Circle)* ที่สร้างโมเดลธุรกิจจากสเตเบิลคอยน์ เมกา แมทริกซ์ยังมองว่ากฎหมาย *GENIUS* ของสหรัฐฯ ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดในแบบที่เอื้อประโยชน์ จุดสำคัญของกฎหมายดังกล่าวคือการห้ามผู้ออกเหรียญแจกจ่ายผลกำไรโดยตรงแก่นักลงทุน ทำให้เกิดความต้องการใน *สเตเบิลคอยน์แบบผลตอบแทนสูง* หรือโครงสร้างแบบ staking มากยิ่งขึ้น

ในประเด็นนี้ ฮูลิโอ โมเรโน(Julio Moreno) หัวหน้าฝ่ายวิจัยจาก *คริปโตควอนต์(CryptoQuant)* ให้ความเห็นว่า “GENIUS ทำให้ผู้ออกโทเคนไม่สามารถแจกจ่ายรางวัลได้เอง นักลงทุนเลยหันไปหาสเตเบิลคอยน์ที่สร้างรายได้จากโครงสร้างภายในของระบบแทน”

โทเคน *USDe* ของเอเธนา จึงกลายเป็นตัวอย่างพิเศษ เพราะไม่ใช่สเตเบิลคอยน์แบบดั้งเดิมที่พึ่งพาเงินสหรัฐโดยตรงเหมือน *USDC หรือ USDT* แต่ใช้ ‘สัญญาฟิวเจอร์สแบบไม่มีวันหมดอายุ’ จากตลาดอนุพันธ์ในการคงค่าเงินดอลลาร์เอาไว้ ทำให้สามารถสร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอจากผลตอบแทนในตลาดอนุพันธ์

ถึงแม้ระบบของเอเธนายังเล็กกว่าคู่แข่งรายใหญ่ แต่พัฒนาการกลับน่าจับตา ล่าสุด *เอเธนา แล็บส์(Ethena Labs)* ผู้อยู่เบื้องหลังการพัฒนาโปรโตคอล เปิดเผยว่า ณ เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ยอดรวมของดอกเบี้ยและรายได้สะสมทะลุ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 69,500 ล้านบาท) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

การตัดสินใจของเมกา แมทริกซ์ในครั้งนี้จึงอาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของกระแสการนำ *กลยุทธ์ทุนสำรองที่ใช้สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นแกนหลัก* มาปรับใช้ในกลุ่มบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหุ้น และในขณะเดียวกันก็เป็นการเพิ่มความน่าสนใจของโทเคนกำกับดูแลอย่าง ENA ที่ให้ผลตอบแทนสูงในภาคตลาดคริปโตอย่างมีนัยสำคัญ

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1