ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนรายใหญ่ในตลาดบิตคอยน์(BTC) ที่ถูกเรียกกันว่า ‘ฉลาม’ ได้เข้าซื้อบิตคอยน์จำนวนมากถึง 65,000 BTC หรือราว 1.1 หมื่นล้านบาท ท่ามกลางช่วงราคาเคลื่อนไหวบริเวณ 112,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 15.5 ล้านบาท) ซึ่งนับเป็นพฤติกรรมที่น่าจับตามอง โดยกระเป๋าเงินที่เข้าซื้อหลัก ๆ คือกลุ่มที่ถือครองระหว่าง 100–1,000 BTC และในปัจจุบันมีการสะสมรวมกันสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 3.65 ล้าน BTC
เมื่อวันที่ 24 นักวิเคราะห์จากคริปโตควอนต์(CryptoQuant) รายงานว่า ตัวชี้วัด ‘ผู้ถือระยะยาว’ และ ‘ปริมาณไหลเข้าสุทธิของกระดานเทรด’ กำลังพุ่งสูงขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความตึงตัวของอุปทานในระบบ โดยเฉพาะนักลงทุนระยะยาวที่ยังคงสะสมเหรียญไม่หยุดในช่วงนี้ ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่เคยนำมาก่อนในอดีตรอบขาขึ้นของตลาด ขณะเดียวกัน กระดานเทรดยังพบว่าปริมาณการถอนบิตคอยน์ยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ สะท้อนให้เห็นว่า จำนวนเหรียญที่พร้อมเทรดจริงกำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง
โครงสร้างของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปเช่นนี้ แตกต่างจากพฤติกรรมของนักเก็งกำไรในระยะสั้นอย่างชัดเจน โดยมีลักษณะเป็นการซื้อเพื่อถือครองระยะยาวมากกว่าการเก็งกำไร ซึ่งหมายถึงการดูดซับอุปทานจริงจากตลาด แทนที่จะเป็นแค่การขยับสถานะ โดยผู้เชี่ยวชาญประเมินว่า หากรูปแบบนี้ยังคงมีอยู่ บิตคอยน์อาจเข้าสู่รอบขาขึ้นครั้งใหม่ที่มีแรงหนุนจากภาวะขาดแคลนอุปทานอย่างชัดเจน
สถานการณ์นี้สะท้อนให้เห็นผ่านข้อมูลจากกระดานเทรด 바이낸스(Binance) เช่นกัน โดยในช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา แม้จะมีการไหลเข้าของเหรียญเพื่อกระจายความเสี่ยงขณะราคาขยับเข้าใกล้ 120,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 16.6 ล้านบาท) แต่ล่าสุดพบว่าการถอนกลับเพิ่มสูงกว่าการฝากเข้าอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในเดือนกันยายนที่มีเหรียญมากกว่า 22 ล้านดอลลาร์ (ราว 305 ล้านบาท) ไหลออก สะท้อนถึงเจตนาของนักลงทุนที่ไม่ต้องการขาย และกำลังโยกเหรียญออกไปถือไว้ในวอลเล็ตส่วนตัวเพื่อระยะยาว
อีกหนึ่งปัจจัยเสริมคือพฤติกรรมของกลุ่มนักขุดที่เริ่มเปลี่ยนยุทธศาสตร์ โดยปกติแล้วจะขายเหรียญเพื่อทำกำไรในช่วงท้ายของรอบขาขึ้นหรือก่อน ‘การลดรางวัล’ แต่ปัจจุบันกลับมุ่งเน้นการสะสมแทน ดัชนีสถานะนักขุด(Miner Position Index - MPI) ยังคงอยู่ในระดับต่ำ แสดงถึงความเต็มใจในการถือเหรียญต่อ ซึ่งสอดคล้องกับความคาดหวังในสหรัฐเกี่ยวกับการอนุมัติกองทุน ETF บิตคอยน์แบบสปอต รวมถึงแนวโน้มการรับรองบิตคอยน์ในระดับประเทศที่ส่งผลต่อภาวะอุปทานตึงตัวมากขึ้น
สรุปแล้ว แม้ราคาบิตคอยน์ยังเคลื่อนไหวใกล้จุดสูงสุดของปี แต่ภายในตลาดกำลังมีการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่สำคัญ โดยเฉพาะ ‘ความต้องการที่เหนือกว่าอุปทาน’ ซึ่งอาจยังถูกมองข้ามในระยะสั้น หากความต้องการสะสมกลับมาอีกครั้ง ตลาดอาจเผชิญกับแรงซื้อรอบใหม่ที่ดันราคาสูงขึ้นในลักษณะรุนแรง ความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่ายเริ่มเอนเอียงไปในทิศทางที่ว่า *รอบขาขึ้นใหญ่ครั้งต่อไปของบิตคอยน์อาจกำลังค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นใต้ผิวน้ำในขณะนี้*
ความคิดเห็น 0