อีเธอเรียม(ETH) จ่อเลือกทิศ! ลุ้นทะลุ 4,800 ดอลลาร์เปิดทางขาขึ้นรอบใหม่

ราคาของอีเธอเรียม(ETH) ยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนตลอดช่วงเดือนที่ผ่านมา สร้างความสนใจจากตลาดที่กำลังเฝ้ารอดูทิศทางถัดไปของสินทรัพย์ดิจิทัลรายนี้ แม้ตั้งแต่เดือนเมษายน อีเธอเรียมจะสามารถกลับมายืนเหนือแนวรับสำคัญอย่างเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 100 วันและ 200 วันที่อยู่บริเวณประมาณ 5.13 ล้านบาท และ 4.03 ล้านบาทได้อีกครั้ง ซึ่งเป็นสัญญาณบวกในเชิงเทคนิคระยะกลาง แต่การเคลื่อนไหวยังไม่สามารถระบุชัดเจนถึงแนวโน้มระยะสั้น

ในขณะนี้ อีเธอเรียมกำลังปรับตัวขึ้นช้า ๆ ภายใน 'ช่องสัญญาณขาขึ้น' ขนาดเล็ก ซึ่งตั้งอยู่กึ่งกลางของช่องขนาดใหญ่ หากราคาหลุดจากช่องสัญญาณย่อยนี้ลงมา มีโอกาสปรับฐานลงสู่บริเวณ 4,000 ดอลลาร์ (ราว 5.56 ล้านบาท) อย่างไรก็ตาม หากสามารถทะลุแนวต้านสำคัญที่ 4,800 ดอลลาร์ (ประมาณ 6.67 ล้านบาท) ไปได้ อาจเกิดแรงซื้ออย่างรุนแรงที่ดันราคาไปท้าทายระดับ 5,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 6.95 ล้านบาท) ซึ่งเป็นจุดสูงสุดใหม่

จากกราฟราย 4 ชั่วโมง อีเธอเรียมเคลื่อนไหวในกรอบระหว่างแนวรับที่ 4,300 ดอลลาร์ (ราว 5.98 ล้านบาท) และแนวต้านที่ 4,800 ดอลลาร์ โดยเส้นล่างของช่องสัญญาณขาขึ้นเริ่มเข้าใกล้ระดับราคาปัจจุบัน สะท้อนว่าการ 'เลือกทิศ' กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า หากราคาหลุดจากแนวรับนี้ อาจเห็นการปรับฐานลงมาแถว 3,850 ดอลลาร์ (ประมาณ 5.36 ล้านบาท) แต่ในกรณีเกิดแรงซื้อจากแนวรับเดิม ก็มีโอกาสทำลายแนวต้านเดิมและมุ่งหน้าสู่ระดับ 5,000 ดอลลาร์อีกครั้ง

ในด้าน 'ข้อมูลออนเชน' ยังสะท้อนแนวโน้มเชิงบวกระดับหนึ่ง โดยอัตราฟันดิ้งเรตราย 7 วันของอีเธอเรียมยังคงอยู่ใน ‘แดนบวก’ แสดงถึงสภาพการซื้อคงค้างฝั่ง Long ในตลาดฟิวเจอร์ส อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวยังคงต่ำกว่าระดับการเก็งกำไรสูงสุดที่พบในเดือนมีนาคมและช่วงครึ่งหลังของปี 2024 ทำให้แรงกดดันเรื่อง ‘ตลาดร้อนแรงเกินไป’ ยังไม่ปรากฏ สิ่งนี้เป็น ‘สัญญาณเชิงบวก’ ว่ายังสามารถเกิดการไต่ระดับขึ้นได้ต่อ แต่ในเวลาเดียวกันก็เตือนถึง ‘ความเสี่ยงของการถูกชำระบัญชีแบบฉับพลัน’ หากมีการเปลี่ยนแปลงกระทันหันในตลาด ความระมัดระวังจึงยังมีความจำเป็น

ทาง CryptoPotato แสดงความเห็นว่า อีเธอเรียมกำลังเข้าสู่จุดตัดสำคัญที่ 'แนวต้าน 4,800 ดอลลาร์' หากทะลุผ่านได้อาจเปิดทางสู่ขาขึ้นครั้งใหม่ แต่หากไม่สามารถรักษาระดับได้ก็อาจเผชิญแรงขายนำไปสู่การย่อตัวที่รุนแรง ทั้งนี้ การเคลื่อนไหวในช่วง 1-2 สัปดาห์ข้างหน้าจะเป็นตัวชี้วัดสำคัญของทิศทางตลาดคริปโตในระยะใกล้