ชางเผิง เจา อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารของไบแนนซ์ เพิ่งเปิดเผยเหตุผลที่เขาเลิกใช้แอปพลิเคชัน ‘เทเลแกรม’ โดยระบุว่า ‘การขาดฟังก์ชันการควบคุมข้อความ’ ส่งผลให้มีข้อความจำนวนมากจากแหล่งที่ไม่รู้จักถูกส่งเข้ามาจนถึงขั้นกระทบกับประสิทธิภาพของโทรศัพท์มือถือ
แม้จะย้ำว่าไม่มีความไม่พอใจเป็นการส่วนตัวกับแอปดังกล่าว แต่เจายอมรับว่าความสามารถของใครก็ได้ที่รู้เพียงชื่อผู้ใช้งาน(Handle) แล้วสามารถส่งข้อความมาหาเขาแบบไร้ข้อจำกัด เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ต้อง ‘หยุดใช้งานเทเลแกรม’ ในที่สุด โดยเขามองว่า 'โครงสร้างการเปิดเผย Handle' นี้สร้างความเปราะบางต่อบุคคลสาธารณะและผู้มีบทบาทในอุตสาหกรรมคริปโตอย่างมีนัยสำคัญ
เพื่อแก้ไขปัญหา เจาระบุว่าเคยติดต่อ 'พาเวล ดูรอฟ(Pavel Durov)' ผู้ก่อตั้งเทเลแกรมด้วยตนเอง เพื่อแสดงความไม่สะดวกจากการที่แอปไม่มีระบบการปิดกั้นข้อความจากบุคคลที่ไม่ได้อยู่ในรายชื่อผู้ติดต่อ ข้อจำกัดนี้ทำให้ผู้ใช้งานที่มีชื่อเสียงยิ่งเสี่ยงกับสแปมในระดับโครงสร้าง
เจายังเคยทดลองใช้ ‘ReachMe’ แพลตฟอร์มส่งข้อความแบบเสียเงิน เพื่อควบคุมการรับข้อความให้ไม่เกิน 10 ข้อความต่อวัน อย่างไรก็ตาม กลับเกิดผลลัพธ์ตรงกันข้าม เมื่อมิจฉาชีพยังยินดีจ่ายเงินเพื่อให้ข้อความของตนสามารถส่งไปถึงเขาได้ ทั้งนี้ บริษัทรักษาความปลอดภัยบล็อกเชน สโลว์มิสต์(SlowMist) ยังตรวจพบช่องโหว่ที่ทำให้สามารถหลีกเลี่ยงค่าบริการในแพลตฟอร์มนั้น ส่งผลให้ความน่าเชื่อถือของบริการยิ่งลดลงไปอีก
ในยุคที่แอปสื่อสารมีอยู่อย่างล้นเกิน บุคคลสำคัญในวงการคริปโตต่างพยายามหาวิธีคัดกรอง ‘ข้อความสำคัญ’ และลด ‘การติดต่อที่ไม่จำเป็น’ โดยกรณีของชางเผิง เจา สะท้อนถึงข้อจำกัดของเทเลแกรม และตั้งคำถามว่าแพลตฟอร์มเช่นนี้จะตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้งานได้อย่างไรในอนาคต
ความคิดเห็น 0