สหรัฐเสนอ 'กฎหมาย SAFE' ปราบฉ้อโกงคริปโต หลังความเสียหายพุ่งทะลุ 1.3 ล้านล้านบาท

วุฒิสมาชิกสหรัฐสองรายร่วมผลักดันกฎหมายฉบับใหม่ หวังจัดการ ‘การฉ้อโกงคริปโต’ อย่างเป็นระบบ โดยกฎหมายนี้มีชื่อว่า “SAFE Cryptocurrency Act” ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในการรับมือกับอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัล

ตามรายงานเมื่อวันที่ 24 (เวลาท้องถิ่น) กฎหมายฉบับนี้เสนอโดย เอลิซา สล็อตคิน วุฒิสมาชิกจากพรรคเดโมแครต และเจอร์รี โมแรน วุฒิสมาชิกจากพรรครีพับลิกัน โดยเนื้อหามุ่งเน้นไปที่ความร่วมมือระหว่างกระทรวงการคลังสหรัฐ หน่วยงานด้านกฎหมาย หน่วยงานกำกับดูแล และภาคเอกชน เพื่อสร้างแนวหน้ารับมือกับอาชญากรรมในวงการคริปโต

สล็อตคิน ระบุว่า “คณะทำงานภายใต้กฎหมาย SAFE จะใช้ทุกทรัพยากรที่เรามีในการปราบปรามการฉ้อโกงในโลกของสินทรัพย์ดิจิทัล” ขณะที่ โมแรน ให้ความเห็นว่า “ถึงเวลาแล้วที่เราต้องมีเครื่องมือทางกฎหมาย เพื่อให้ประชาชนได้รับความคุ้มครองจากการหลอกลวงในคริปโตมากขึ้น”

ตัวเลขความเสียหายจากการฉ้อโกงในโลกคริปโตเพิ่มสูงขึ้นอย่างน่าตกใจในปี 2024 โดยในสหรัฐเพียงประเทศเดียว ความเสียหายจาก ‘การลงทุนคริปโต’ สูงถึง 9.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.37 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 66% โดยกลุ่มที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดคือผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป คิดเป็นมูลค่า 2.84 พันล้านดอลลาร์

แม้หน่วยงานรัฐและเอกชนจะพยายามจัดแคมเปญรณรงค์ด้านการคุ้มครองผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง แต่กลุ่มมิจฉาชีพก็ปรับรูปแบบการต้มตุ๋นให้ซับซ้อนและแนบเนียนยิ่งขึ้น เช่น การล่อซื้อก่อนเปิดขาย (Pre-sale), โครงการปลอม และการฟิชชิงผ่านแชตส่วนตัว

‘ความคิดเห็น’: ความร่วมมือและการออกกฎหมายจึงยิ่งมีบทบาทสำคัญในขณะที่เทคโนโลยีบล็อกเชนยังขยายตัวอย่างรวดเร็ว

กาเบรียล ชาปิโร หัวหน้าฝ่ายกฎหมายของเดลไฟ แล็บส์ มองว่าหากกฎหมาย SAFE ผ่านรัฐสภา มันจะเป็น ‘แรงกดดันสำคัญ’ ต่อขบวนการฉ้อโกงในแวดวงคริปโต โดยเฉพาะเมื่อผู้ที่เกี่ยวข้องในการบังคับใช้กฎหมายประกอบด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม, ผู้อำนวยการหน่วยปราบปรามอาชญากรรมทางการเงิน(FinCEN) และผู้อำนวยการหน่วยรักษาความปลอดภัยพิเศษของสหรัฐ(Secret Service) ซึ่งมีอำนาจโดยตรงในการดำเนินคดี

กฎหมาย SAFE ยังเน้นการสร้างกลไกตรวจสอบตลาดและระบุตัวตนผู้กระทำผิดอย่างเป็นระบบ โดยผลักดันความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนให้เป็นส่วนหนึ่งของกฎหมาย เพื่อเสริมสร้าง *ความเชื่อมั่น* และ *ความปลอดภัย* ในระบบนิเวศคริปโตอย่างยั่งยืน

‘ความคิดเห็น’: หากกฎหมายฉบับนี้สามารถผ่านการอนุมัติ จะเป็นการส่งสัญญาณเชิงบวกต่อการจัดระเบียบตลาดคริปโต และอาจเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญที่จะดึงดูดนักลงทุนสถาบันเข้าสู่ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น