ญี่ปุ่นเตรียมออกกฎหมายลงโทษซื้อขายข้อมูลวงในในตลาดคริปโตเป็นครั้งแรก

ญี่ปุ่นเตรียมออกกฎใหม่จัดการ ‘การซื้อขายข้อมูลวงใน’ ในตลาดคริปโตอย่างจริงจัง โดยเป็นครั้งแรกที่มีมาตรการลงโทษในลักษณะเดียวกับตลาดหุ้น ถือเป็นสัญญาณชัดเจนว่ารัฐบาลกำลังเดินหน้าเสริมสร้าง ‘การคุ้มครองนักลงทุน’ บนตลาดคริปโตอย่างเป็นรูปธรรม

เมื่อวันที่ 24 (เวลาท้องถิ่น) นิเคอิเอเชียรายงานว่า คณะกรรมาธิการกำกับดูแลตลาดหลักทรัพย์(JSCC) ภายใต้สำนักงานบริการทางการเงินญี่ปุ่น หรือ FSA เตรียมได้รับ ‘อำนาจตรวจสอบ’ รายการซื้อขายคริปโตที่ต้องสงสัย และสามารถ ‘เรียกเก็บค่าปรับจากผู้ที่ได้ประโยชน์จากข้อมูลวงใน’ ได้โดยตรง หากพบว่ามีเจตนาเข้าข่ายการกระทำผิด นอกจากนี้ สำหรับกรณีร้ายแรงที่มีลักษณะชัดเจนว่าเป็นการกระทำความผิดทางอาญา หน่วยงานยังสามารถประสานอัยการเพื่อดำเนินคดีต่อได้อีกด้วย

ปัจจุบันกฎหมายว่าด้วยการซื้อขายเครื่องมือทางการเงินของญี่ปุ่น หรือ FIEA ยังไม่ครอบคลุมตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล ทำให้พื้นที่นี้ยังปราศจากข้อบังคับด้าน ‘การซื้อขายข้อมูลวงใน’ โดยตรง แม้สมาคมผู้ให้บริการซื้อขายคริปโตของญี่ปุ่น(JVCEA) จะพยายามออกกฎควบคุมเอง แต่ก็ยังไม่มีระบบตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพเพียงพอ ซึ่งชี้ให้เห็นถึง ‘ช่องโหว่เชิงกฎหมาย’ ที่จำเป็นต้องมีการปรับปรุงโดยเร็ว

ในรายงานระบุว่า กฎหมายใหม่จะถูกเสนอปรับปรุงภายในปีหน้า โดย FSA ตั้งเป้าจะจัดตั้ง ‘กลุ่มทำงานร่วม’ ภายในสิ้นปีนี้ โดยจะรวมตัวแทนจากกระทรวงที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชน เพื่อออกแบบ ‘กรอบกำกับดูแลใหม่’ สำหรับตลาดคริปโตโดยเฉพาะ

อย่างไรก็ตาม มีชี้ให้เห็นว่า หน่วยงานรัฐยังขาด ‘ประสบการณ์’ โดยตรงในการสืบสวนคดีลักษณะนี้ เมื่อพิจารณาจากความยากในการระบุว่าใครคือ ‘บุคคลวงใน’ เนื่องจากโครงการคริปโตจำนวนมากไม่มีข้อมูลผู้พัฒนา/ผู้ออกเหรียญที่ชัดเจน เจ้าหน้าที่หลายรายกล่าวกับนิเคอิเอเชียว่า ‘โครงสร้างแบบไร้ตัวกลาง’ ของบล็อกเชน ทำให้กระบวนการติดตามและพิสูจน์หลักฐานซับซ้อนอย่างมาก

ญี่ปุ่นถือเป็นประเทศแรกของโลกที่วางระบบการกำกับดูแลคริปโตผ่านระบบ ‘ใบอนุญาตสำหรับแพลตฟอร์มซื้อขาย’ ตั้งแต่ปี 2017 แต่ครั้งนี้เป็น ‘ความพยายามครั้งแรก’ ในการออก ‘กฎหมายลงโทษทางอาญา’ สำหรับผู้ฉวยโอกาสจากข้อมูลวงในในตลาดคริปโตโดยเฉพาะ ความเคลื่อนไหวนี้อาจเป็นสัญญาณว่า ‘แนวทางกำกับสินทรัพย์ดิจิทัลในเอเชีย’ กำลังก้าวเข้าสู่ช่วงเข้มงวดมากขึ้น ความคิดเห็น: หากญี่ปุ่นสามารถวางระบบลงโทษอย่างเป็นรูปธรรมได้สำเร็จ อาจกลายเป็นต้นแบบสำหรับประเทศอื่นๆ ที่กำลังเผชิญปัญหาคล้ายกันในตลาดคริปโต