บิตคอยน์(BTC) ปรับตัวกลับเข้าสู่แนวโน้มขาลงอีกครั้งหลังจากการฟื้นตัวในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีเผชิญแรงเทขายกะทันหัน ส่งผลให้มูลค่ารวมของตลาดหายไปราว 139 ล้านล้านวอน หรือประมาณ 1,000 พันล้านดอลลาร์ ภายในเวลาเพียงหนึ่งวัน
เมื่อวันที่ 16 ตามรายงานจากตลาดคริปโต บิตคอยน์ร่วงลงต่ำกว่าแนวต้านสำคัญที่ 111,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 15.4 ล้านบาท) หลังจากที่ก่อนหน้านี้เพียงสองวันเคยแตะระดับสูงสุดที่ 116,000 ดอลลาร์ (ราว 16.1 ล้านบาท) การปรับตัวลงดังกล่าวสร้างความกังวลในหมู่นักลงทุน และส่งผลให้มูลค่าตลาดรวมของบิตคอยน์เข้าใกล้ระดับ 2.2 ล้านล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3,058 ล้านล้านวอน) ซึ่งเป็นระดับสำคัญทางจิตวิทยา
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังตลาดมีแรงซื้อกลับช่วงสั้น ก่อนจะถูกซัดด้วยแรงขายต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากแรงสั่นสะเทือนที่ยังไม่จางของการปรับฐานใหญ่เมื่อสัปดาห์ก่อน ซึ่งบิตคอยน์เคยร่วงลงไปแตะระดับต่ำสุดที่ 101,000 ดอลลาร์ (ราว 14 ล้านบาท) ทั้งนี้ การเทขายรุนแรงในตลาดอนุพันธ์ส่งผลให้มีการล้างพอร์ตนักลงทุนกว่า 1.6 ล้านบัญชี และสูญเสียมูลค่าเร่ิมต้นที่ 190 พันล้านดอลลาร์ (ราว 265 ล้านล้านวอน) จากกระแสเงินที่ใช้เทรดด้วยเลเวอเรจ
ในส่วนของอีเธอเรียม(ETH) ก็ตกอยู่ในสภาวะเดียวกัน เมื่อร่วงลง 4.4% ในเวลาเพียงหนึ่งวัน หลุดระดับ 4,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 5.56 แสนบาท) ด้านริปเปิล(XRP) ก็ไม่พ้นแรงกดดันตลาด ปรับตัวลง 5% มาอยู่ที่ 2.39 ดอลลาร์ (ประมาณ 3,320 บาท)
สำหรับอัลต์คอยน์ ‘ทาโอ(TAO)’ เป็นเหรียญที่ร่วงหนักที่สุด โดยลดลงถึง 15% ภายใน 24 ชั่วโมง ตามมาด้วยเอสเตอร์(ASTER) ที่ร่วง 13% ขณะที่จีแคช(ZEC) และสตอรี่(IP) ก็ปรับลดลง 12% และ 10% ตามลำดับ สะท้อนถึงแรงเทขายที่กระจายเป็นวงกว้าง อย่างไรก็ตาม โคไอ(COAI) กลับวิ่งสวนทางตลาด โดยราคาพุ่งขึ้นถึง 50% ในวันเดียว ทะลุระดับ 23 ดอลลาร์ (ราว 32,000 วอน) ทำให้กลายเป็นเหรียญที่ได้รับความสนใจสูงสุดในชั่วโมงนี้
ขณะเดียวกัน มูลค่ารวมของตลาดคริปโตทั้งหมดในวันนี้ลดลงมาอยู่ที่ 3.85 ล้านล้านดอลลาร์ (ประมาณ 5,352 ล้านล้านวอน) หลังจากที่ความคาดหวังในช่วงขาขึ้นเริ่มจางหาย และแรงขายกลับมาครอบคลุมทั้งตลาด ความคิดเห็นของนักวิเคราะห์มองว่า ความเชื่อมั่นถูกกระทบจากความไม่แน่นอนทั้งด้านเศรษฐกิจและกฎระเบียบ
แม้ว่าตลาดจะเผชิญกับแรงกดดัน แต่ ‘ส่วนแบ่งตลาดของบิตคอยน์’ กลับดีดขึ้นที่ 57.2% แสดงให้เห็นถึงการกลับเข้าหาเหรียญหลักในช่วงที่ตลาดไม่แน่นอน ตามความเห็นของนักลงทุนบางราย ถือเป็นการไหลกลับของเงินทุนในระยะสั้น ขณะที่ภาพรวมยังคงมีความระมัดระวังสูง และหลายฝ่ายยังคงจับตาความเสี่ยงการปรับฐานลงรอบใหม่อย่างใกล้ชิด
ความคิดเห็น 0