Coinbase เรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯ ใช้ ‘บล็อกเชน’ และ ‘ปัญญาประดิษฐ์(AI)’ เพื่อยกระดับการปราบปรามอาชญากรรมทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับคริปโตเคอร์เรนซีอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยข้อเสนอนี้ถูกรวมอยู่ในจดหมายอย่างเป็นทางการที่ถูกส่งถึงกระทรวงการคลัง ซึ่งอยู่ระหว่างเปิดรับความเห็นเกี่ยวกับนโยบายควบคุมกิจกรรมผิดกฎหมายในสินทรัพย์ดิจิทัล
จดหมายดังกล่าวลงนามโดย พอล เกรวาล(Paul Grewal) หัวหน้าฝ่ายกฎหมายของ Coinbase เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม และเผยแพร่ผ่าน X (ชื่อเดิม Twitter) เมื่อวันที่ 22 โดยเกรวาลระบุว่า เทคนิคฟอกเงินในปัจจุบันมีการใช้ ‘เทคโนโลยีล้ำสมัย’ ทำให้มีความซับซ้อนยิ่งขึ้น จึงจำเป็นที่หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายจะต้อง ‘พัฒนาทักษะด้านเทคโนโลยี’ ให้ทัดเทียมเพื่อสามารถรับมือได้อย่างเหมาะสม
เกรวาลยังเน้นว่า ‘เทคโนโลยนวัตกรรมอย่างบล็อกเชน’ อาจเป็นเครื่องมือสำคัญในการรับมือกับความเสี่ยงทางอาชญากรรมใหม่ ๆ พร้อมเรียกร้องให้ทางการ เช่น กระทรวงการคลัง เร่งนำเทคโนโลยีเหล่านี้มาใช้เพื่อ ‘ระบุและหยุดยั้งกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย’ โดยชี้ว่าการปรับแนวทางเช่นนี้สอดคล้องกับเป้าหมายของกฎหมายปรับปรุงการต่อต้านการฟอกเงินปี 2020 ซึ่งมุ่ง ‘ยกระดับกฎหมายธนาคารลับ(Bank Secrecy Act)’ ที่ล้าสมัยให้สอดรับกับยุคดิจิทัล
ฟาริยาร์ เชียร์ซัด(Faryar Shirzad) หัวหน้าฝ่ายนโยบายของ Coinbase ก็แสดงจุดยืนเดียวกันผ่านโซเชียลมีเดียในวันเดียวกัน โดยระบุว่ารัฐบาลควรใช้บทเรียนจากกรณีของแพลตฟอร์มคริปโต มาเป็น ‘แนวทางในการพลิกโฉมระบบต่อต้านการฟอกเงิน’ ด้วย ‘เครื่องมือดิจิทัลที่พิสูจน์แล้วว่าได้ผล’ เช่น AI, API, การยืนยันตัวตนดิจิทัล และการวิเคราะห์ข้อมูลบนบล็อกเชน
ในขณะที่ประเด็นการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลกลายเป็นหนึ่งในประเด็นการเมืองนับตั้งแต่สมัยรัฐบาลทรัมป์ ความเคลื่อนไหวของ Coinbase ครั้งนี้สะท้อน ‘ความพยายามหาจุดสมดุลระหว่างเทคโนโลยีและกฎระเบียบ’ ซึ่งเป็นที่จับตาในภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะเมื่อความโปร่งใสและข้อมูลที่สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ของบล็อกเชน เริ่มได้รับการยอมรับว่าเป็นเครื่องมือสำคัญในการ ‘เฝ้าระวังอาชญากรรมทางการเงิน’ ตลาดจึงกำลังจับตาว่า รัฐบาลสหรัฐฯ จะนำข้อเสนอนี้ไปใช้อย่างไรในทางนโยบายต่อไป
ความคิดเห็น 0