แอนโทนี สการัมมัชชี(Anthony Scaramucci) นักการเงินชื่อดังของสหรัฐ เปิดเผยว่ากำลังพัฒนาโครงการใหม่ที่เกี่ยวข้องกับคริปโตเคอร์เรนซี สร้างกระแสความคาดหวังในตลาดอย่างล้นหลาม โดยแม้จะยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดใด ๆ อย่างเป็นทางการ แต่เขาก็เริ่มรับฟังความคิดเห็นและคำถามจากสาธารณะผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย เพื่อช่วยชี้นำทิศทางของโครงการดังกล่าว
สการัมมัชชีแสดงเจตนารมณ์ว่าโครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อแก้ไข ‘ประเด็นหลัก’ ในอุตสาหกรรมคริปโต ส่งผลให้ภายหลังคำประกาศครั้งแรก ก็เกิดกระแสคำถามและความเคลื่อนไหวจากบุคคลในวงการอย่างรวดเร็ว แบร์รี ริโทลต์ซ์(Barry Ritholtz) ผู้ก่อตั้งริโทลต์ซ์ เวลธ์ แมเนจเมนต์ ตั้งข้อสงสัยว่าโครงการนี้จะแก้ไขปัญหาอะไร และจะสามารถสร้าง ‘มูลค่าในตัว’ ได้หรือไม่ พร้อมตั้งคำถามเปรียบเทียบว่า “เหตุใดไอโฟนกลายเป็นของจำเป็นในชีวิตประจำวันได้ ขณะที่คริปโตกลับยังไม่สามารถทำได้เช่นนั้น?”
ความสนใจต่อประกาศของสการัมมัชชีสะท้อนผ่านความคิดเห็นกว่า 200 รายการบนโพสต์ของเขา ซึ่งเต็มไปด้วยคำถามตั้งต้น เช่น “คริปโตสามารถแทนที่เงินสดได้หรือไม่?”, “มีมูลค่าสำหรับใช้ลงทุนหรือไม่?”, หรือ “มีโครงสร้างที่ถูกควบคุมได้ง่ายกว่าตลาดการเงินแบบดั้งเดิมหรือเปล่า?” ผู้ใช้รายหนึ่งยังตั้งข้อสังเกตว่า ทองคำสามารถใช้ผลิตเครื่องประดับหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้ ดอลลาร์มีไว้จ่ายภาษี แต่ “บิตคอยน์(BTC) มีคุณค่าจากอะไร?”
แม้แต่ประเด็นทางเทคนิคเองก็ได้รับความกังวล โดยมีบางคนชี้ว่า ‘คอมพิวเตอร์ควอนตัม’ อาจทำลายระบบการเข้ารหัสแบบบล็อกเชนที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ส่งผลให้ทรัพย์สินดิจิทัลทั้งหลายอาจกลายเป็นสิ่งไร้ค่า มีผู้แสดงความเห็นเชิงประชดว่า “สุดท้ายอาจต้องกลับไปใช้กระดาษเช่นเดิม” *ความคิดเห็น*
ทั้งนี้ สการัมมัชชีเริ่มหันมาให้ความสนใจคริปโตอย่างจริงจังตั้งแต่ปี 2020 โดยเฉพาะการสนับสนุนบิตคอยน์(BTC) อย่างต่อเนื่อง โดยก่อนหน้านี้เขาให้สัมภาษณ์ว่า บิตคอยน์อาจแตะระดับราคา 150,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 2.08 ล้านบาท) ภายในสิ้นปีนี้ และหากแนวโน้มยังแข็งแกร่ง ก็อาจพุ่งสูงถึง 500,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 6.95 ล้านบาท) ภายใน 6 ปี
แม้ยังไม่ชัดเจนว่าโครงการของสการัมมัชชีจะออกมาในรูปแบบใด แต่การที่เขาตอบสนองต่อคำถามของสาธารณะอย่างเปิดเผยก็อาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า อุตสาหกรรมคริปโตเริ่มตระหนักถึงความจำเป็นในการสร้าง ‘ความชัดเจนและความน่าเชื่อถือ’ มากกว่าแค่การกระตุ้นความตื่นเต้นอยู่เพียงอย่างเดียว
ความคิดเห็น 0