นักลงทุนรายใหญ่ของอีเธอเรียม(ETH) เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง โดยมีสัญญาณบวกเกิดขึ้นจากกระแสการถอนเหรียญออกจากแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนหลักเกือบ 1 ล้าน ETH ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของการสะสมเพื่อการถือครองระยะยาว และบ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ของ ‘การปรับตัวขึ้นของราคา’
ราคาของ *อีเธอเรียม* ดีดตัวจากระดับ 3,900 ดอลลาร์ (ประมาณ 5.29 ล้านบาท) เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา กลับขึ้นมาอยู่บริเวณ 4,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 5.42 ล้านบาท) แม้ว่าอัตราผลตอบแทนรอบสัปดาห์ล่าสุดจะอยู่ที่ราว 4% แต่ในระยะเวลา 24 ชั่วโมงกลับลดลงประมาณ 3% โดยราคาปัจจุบันยังคงต่ำกว่าจุดสูงสุดตลอดกาลที่ 4,950 ดอลลาร์ (ประมาณ 6.71 ล้านบาท) อยู่ราว 19%
ข้อมูลจากบริษัทวิเคราะห์บล็อกเชน อัลฟราแคทัล(Alphractal) ระบุว่า มีการเพิ่มขึ้นของจำนวนกระเป๋าที่ถือ *อีเธอเรียม* มากกว่า 1,000 ETH อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็น ‘สัญญาณ’ ว่านักลงทุนรายใหญ่ หรือกลุ่มที่เรียกว่า ‘วาฬ’ กำลังสะสมเหรียญเพื่อเก็บรักษาระยะยาว ขณะเดียวกัน บริษัทข้อมูลคริปโตอย่าง *คริปโตควอนต์*(CryptoQuant) รายงานว่า นับตั้งแต่ปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา ปริมาณ ETH ในกระเป๋าของแพลตฟอร์มซื้อขายทั้งหมดลดลงจากประมาณ 10 ล้านเหรียญ เหลือเพียง 9 ล้านเหรียญ ซึ่งสะท้อนว่าแรงขายในตลาดสั้นเริ่มลดลง และนักลงทุนจำนวนมากกำลังย้ายเหรียญเข้าสู่กระเป๋าแบบเก็บรักษาเอง (Self-custody)
ในอีกด้าน กลุ่มนักลงทุนสถาบันยังคงแสดงความเคลื่อนไหวอย่างชัดเจน *CryptoPotato* เปิดเผยว่า ปริมาณ ETH ที่ถือโดยนักลงทุนสถาบันเติบโตเร็วกว่าบิตคอยน์(BTC) ถึง 4 เท่าในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา โดยตัวอย่างชัดเจนคือ *บิตไมน์*(Bitmine) ของ ทอม ลี(Tom Lee) ที่เพิ่งเข้าซื้อเพิ่มอีก 27,316 ETH หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 113.06 ล้านดอลลาร์ (ราว 1,528 ล้านบาท) ส่งผลให้มูลค่าการถือครองรวมทะลุ 3.34 ล้านเหรียญ คิดเป็นราว 13.3 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.79 ล้านล้านบาท)
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าโครงสร้างราคา *อีเธอเรียม* ที่เคลื่อนไหวในกรอบ 4,000–4,150 ดอลลาร์ (ราว 5.42–5.63 ล้านบาท) ณ ปัจจุบัน คล้ายกับช่วงก่อนราคาจะพุ่งขึ้นระลอกใหญ่เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งครั้งนั้น ETH ดีดตัวจาก 2,500 ดอลลาร์ขึ้นสู่ 3,800 ดอลลาร์อย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางรายให้ความเห็นว่า การปรับตัวลงล่าสุดมาแตะระดับ 3,900 ดอลลาร์นั้น อาจเป็นการเทขายก่อนหน้าการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) เพื่อเลี่ยงความเสี่ยงในช่วงสั้น ซึ่งแม้จะยังมีโอกาสรับแรงกดดันระยะสั้น แต่หลายฝ่ายเห็นว่า หากราคายังยืนเหนือระดับ 3,800–4,000 ดอลลาร์ได้ ก็ยังไม่มีเหตุผลชัดเจนพอที่จะเปลี่ยนแนวโน้มจากขาขึ้นเป็นขาลง
*ความคิดเห็น:* การถอนเหรียญออกจากแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนและการสะสมโดย ‘วาฬ’ คือสัญญาณคู่สำคัญที่สะท้อนภาพ *อุปทานลด – ความต้องการเพิ่ม* สำหรับอีเธอเรียม ซึ่งย่อมทำให้แนวโน้มขาขึ้นมีน้ำหนักยิ่งขึ้นในระยะกลาง แต่อย่างไรก็ดี นักลงทุนยังคงต้องระมัดระวังต่อประเด็นมหภาคและความผันผวนระยะสั้นในตลาด
ความคิดเห็น 0