ศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ ลงมติสนับสนุนธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ปฏิเสธคำขอของ *คัสโตเดียแบงก์* (Custodia Bank) ในการเปิดบัญชีหลัก (Master Account) โดยเป็นการตัดสินที่ส่งผลกระทบต่อธนาคารซึ่งเป็นมิตรต่อคริปโตเคอร์เรนซีโดยตรง
เมื่อวันที่ 7 ที่ผ่านมา (เวลาท้องถิ่น) ศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ เขตที่ 10 ประกาศยืนตามคำตัดสินของศาลระดับล่างในรัฐไวโอมิง ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ปฏิเสธคำร้องของคัสโตเดียแบงก์ที่โจทก์ฟ้องร้องธนาคารกลางสหรัฐฯ หลังถูกปฏิเสธการเปิดบัญชีหลักตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2020 โดยคดีดังกล่าวได้กลายเป็นประเด็นทางกฎหมายยืดเยื้อมานานกว่า 3 ปี
ในคำพิพากษา ศาลระบุว่า “แม้ประเด็นนี้จะถูกห่อหุ้มไว้ด้วยคำศัพท์ยุคใหม่อย่าง คริปโตเคอร์เรนซี, สินทรัพย์ดิจิทัล, การโอนทันที หรือบัญชีหลัก (Master Account) แต่ข้อพิพาทแก่นแท้แล้วคือปัญหาคลาสสิกเรื่องอำนาจของธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งถูกพิจารณามาตั้งแต่ยุคก่อตั้งประเทศ”
คัสโตเดียแบงก์ จดทะเบียนเป็น ‘สถาบันรับฝากเงินพิเศษ’ (SPDI) ภายใต้การอนุญาตจากรัฐไวโอมิง โดยมีเป้าหมายให้บริการทางการเงินที่มีเสถียรภาพผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชน ผู้ก่อตั้ง เคทลิน ลอง (Caitlin Long) มุ่งเน้นการประสานงานกับหน่วยงานกำกับดูแล และประกาศบทบาทของบริษัทว่าเป็น “สะพานเชื่อมโลกคริปโตกับการเงินดั้งเดิม” อย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม ธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังคงมีท่าทีชัดเจนในการปฏิเสธคัสโตเดีย โดยให้เหตุผลเรื่อง ‘ความเสี่ยงด้านนโยบายการเงิน’ และ ‘ความกังวลด้านการป้องกันการฟอกเงิน (AML)’ ซึ่งตั้งเป็นอุปสรรคสำคัญในการออกบัญชีหลักให้กับธนาคารนี้
ความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญในตลาดมองว่า คำตัดสินนี้สะท้อนถึง *อุปสรรคสำคัญ* ที่บริษัทคริปโตยังคงเผชิญในการเข้าสู่ระบบการเงินหลักของสหรัฐฯ โดยกรณีของคัสโตเดียเป็นตัวอย่างที่ชัดว่า ปัญหาด้าน *ความไม่แน่นอนทางกฎระเบียบ* ยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญที่ขัดขวางการบูรณาการของอุตสาหกรรมคริปโตสู่ภาคการเงินแบบดั้งเดิม
ความคิดเห็น 0