แม้ว่าเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ควอนตัมยังคงอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่ผู้เชี่ยวชาญมองว่าอาจกลายเป็น ‘ภัยคุกคาม’ ที่ร้ายแรงต่อสกุลเงินดิจิทัลที่ใช้ระบบการพิสูจน์ด้วยงาน (Proof-of-Work หรือ PoW) อย่างบิตคอยน์(BTC) ได้ในอนาคตอันใกล้
อามิต เมห์รา(Amit Mehra) หุ้นส่วนของบริษัทเงินร่วมลงทุน บอร์เดอร์เลส แคปิทัล(Borderless Capital) เปิดเผยระหว่างให้สัมภาษณ์กับ Cointelegraph ในงาน Global Blockchain Congress ที่จัดขึ้นที่นครดูไบ ว่าบริษัทกำลังให้ ‘ความสนใจอย่างลึกซึ้ง’ ต่อเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ควอนตัม และกำลังจับตามองบริษัทที่พัฒนาเทคโนโลยี ‘ป้องกันควอนตัม’ อย่างใกล้ชิด
เมห์รา ชี้ว่าแม้การนำเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ควอนตัมมาใช้ในเชิงพาณิชย์อาจยังต้องใช้เวลาอีกราว 10 ปี แต่ไม่ควรมองข้าม ‘ความก้าวหน้าที่รวดเร็ว’ ของวงการนี้ โดยระบุว่า “เมื่อพิจารณาจากการพัฒนาของชิป เทคโนโลยีการประมวลผล และศักยภาพของการประมวลผลแบบกระจายศูนย์ ทำให้ควอนตัมคอมพิวติ้งกลายเป็น ‘ปัญหาที่ชัดเจน’ ซึ่งถึงแม้จะยังไม่เกิดขึ้นทันที แต่ก็เป็นความเสี่ยงในอนาคตอันใกล้”
คอมพิวเตอร์ควอนตัมถือเป็นเทคโนโลยีแห่งอนาคตที่ใช้หลักกลศาสตร์ควอนตัมทำให้สามารถประมวลผลข้อมูลได้เร็วขึ้นอย่างมหาศาลเมื่อเทียบกับคอมพิวเตอร์ทั่วไป แม้วันนี้ศักยภาพของเทคโนโลยีนี้จะยังไม่สมบูรณ์ แต่มีความกังวลว่าในอนาคต อาจสามารถเจาะระบบการเข้ารหัส หรือทำลายอัลกอริธึมที่เป็นพื้นฐานของบล็อกเชนและข้อมูลที่มีความอ่อนไหวได้ ซึ่งผู้พัฒนาหลายรายจึงเริ่มวางรากฐานด้าน ‘ความปลอดภัยหลังยุคควอนตัม’ กันแล้ว
ด้าน ชาร์ลส์ เอ็ดเวิร์ดส์(Charles Edwards) ผู้ก่อตั้งกองทุนคริปโต คาร์พรียอล(Carpriol) ออกมาระบุว่า ประเด็นนี้ถือเป็น “วิกฤตเร่งด่วน” พร้อมเตือนให้อุตสาหกรรมรีบหาวิธีรับมือโดยเร็ว โดยเมื่อวันที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา เขาโพสต์ผ่านแพลตฟอร์ม X (ชื่อเดิมคือ Twitter) ว่า “หากบิตคอยน์ไม่สามารถแก้ปัญหาควอนตัมได้ภายในปีหน้า ทองคำจะกลายเป็นสินทรัพย์ที่เหนือกว่าบิตคอยน์ไปตลอดกาล” เขาย้ำว่า “ภายในปีหน้า ต้องมีมาตรการรับมืออย่างชัดเจน”
ภัยจากคอมพิวเตอร์ควอนตัมไม่ได้คุกคามเพียงแค่บิตคอยน์ แต่ยังรวมถึงอีเธอเรียม(ETH) และสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ ที่ใช้ระบบการเข้ารหัสแบบเดียวกัน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อ *ความมั่นคงปลอดภัย* และ *ความเชื่อถือของทั้งระบบนิเวศคริปโต* ทั้งหมด ด้วยเหตุนี้ กระแสการพูดคุยเกี่ยวกับ ‘ความปลอดภัยหลังควอนตัม’ จึงมีแนวโน้มว่าจะทวีความเข้มข้นขึ้นทั่วทั้งวงการคริปโตในอนาคต
ความคิดเห็น 0