บิตคอยน์(BTC) และสกุลเงินดิจิทัลหลักอื่น ๆ ยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบจนถึงวันศุกร์ ขณะที่นักลงทุนกำลังตีความตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของเดือนพฤศจิกายนที่ออกมาต่ำกว่าคาด ส่งผลให้ตลาดคริปโตโดยรวมอยู่ในภาวะชะลอตัว
ณ เช้าวันศุกร์ มูลค่าตลาดรวมของสกุลเงินดิจิทัลอยู่ที่ประมาณ 3.06 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4,531 ล้านล้านวอน) โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนักภายใน 24 ชั่วโมง บิตคอยน์(BTC) ปรับตัวลง 0.4% มาอยู่ที่ 88,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1,302.5 ล้านบาท) ส่วนอีเธอเรียม(ETH) ลดลง 0.5% มาเคลื่อนไหวต่ำกว่า 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 444 ล้านบาท) โดยอีเธอเรียมปรับฐานลงมากกว่า 8% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา
สกุลเงินดิจิทัลในกลุ่มท็อป 10 ส่วนใหญ่เผชิญกับภาวะทรงตัวหรือลดลงเล็กน้อย โดยริปเปิล(XRP) ร่วงลง 1.3% ภายในวันเดียว ถือว่ามีการปรับตัวลงมากที่สุดในกลุ่ม
คริส วิมิช นักวิเคราะห์จากบริษัทวิเคราะห์ข้อมูล Glassnode ระบุผ่านโพสต์ใน X เมื่อวันที่ 18 ว่า *“บิตคอยน์กำลังถูกขายแบบกระจายจากนักลงทุนระยะยาว ขณะที่ปริมาณเงินทุนเข้าสู่ตลาดกำลังเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน”*
ด้านผู้วิจัยอาวุโสของ Glassnode ซึ่งใช้ชื่อว่า CryptoVizArt มองว่าแม้ยอดคงเหลือในกระเป๋าเงินของวาฬคริปโตที่มีสินทรัพย์จำนวนมากจะเพิ่มขึ้น แต่เป็นผลจากการเคลื่อนย้ายภายในระหว่างกระเป๋าเงินของผู้ให้บริการดูแลทรัพย์สิน (Custodian) มากกว่าการเข้าสะสมของนักลงทุนจริง โดย *กว่า 90%* ของการไหลเวียนที่เห็นนั้นเกิดจากการจัดสรรใหม่ของกระเป๋าเงินภายใน
ขณะเดียวกัน ดัชนีความกลัวและความโลภ (Fear & Greed Index) ของตลาดก็ยังอยู่ในระดับ ‘ความกลัวขั้นสุด’ สะท้อน *ความวิตกของนักลงทุนจำนวนมากที่เลือกชะลอการซื้อขาย และรอดูสถานการณ์ก่อน*
ในส่วนของ ETF กระแสเงินทุนยังคงในทิศทางลบ โดยเมื่อวันที่ 18 กองทุน ETF บิตคอยน์แบบสปอตมีเงินไหลออกสุทธิราว 161 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2,384 พันล้านวอน) ซึ่งหักล้างกับการไหลเข้าจากวันก่อนหน้า ทำให้มูลค่าทรัพย์สินภายใต้การจัดการลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 111,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 164.3 ล้านล้านวอน) สอดคล้องกับ ETF อีเธอเรียมแบบสปอตที่มีเงินไหลออกราว 96.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1,429 พันล้านวอน) เหลือทรัพย์สินจัดการรวมประมาณ 17,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 25.3 ล้านล้านวอน)
นอกจากนี้ ปริมาณการ *บังคับชำระบัญชี (Liquidation)* จากการถือครองด้วยเลเวอเรจเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยตามข้อมูลจาก Coinglass มีการชำระบัญชีราว 496 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 7,341 พันล้านวอน) ภายในวันเดียว และในจำนวนนี้ 356 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 5,270 พันล้านวอน) มาจากฝั่ง Long หรือฝั่งซื้อ บิตคอยน์มีการชำระบัญชีคิดเป็นมูลค่าประมาณ 169 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2,504 พันล้านวอน) ขณะที่อีเธอเรียมอยู่ที่ราว 122 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1,808 พันล้านวอน)
ในทางกลับกัน ตลาดหุ้นสหรัฐกลับดีดตัวขึ้นรับแรงหนุนจากข้อมูลเงินเฟ้อที่ชะลอลง ดัชนีสำคัญเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยเฉพาะราคาหุ้นของโอราเคิลที่พุ่งขึ้นหลังรายงานข่าวเกี่ยวกับการขายกิจการของ TikTok ในสหรัฐ *CNBC* รายงานว่า อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีปรับขึ้นแตะ 4.15% และพันธบัตรอายุ 2 ปีขึ้นไปที่ 3.49% สะท้อนความไม่แน่นอนต่อทิศทางนโยบายดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ
ขณะเดียวกัน โทเคน LEO (LEO) ซึ่งอยู่ในกลุ่ม 100 อันดับแรกของตลาดดิจิทัลฟื้นตัวขึ้นเกือบ 10% แตะที่ 7.28 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 10,800 วอน) หลังร่วงลงก่อนหน้านี้ ตามมาด้วยแซดแคช(ZEC) ที่ดีดขึ้น 9.5% ในวันเดียว
ในทางตรงกันข้าม เหรียญประเภท *มีมโทเคน* อย่าง MemeCore ร่วงลงถึง 13% ภายในวันเดียว ขณะที่เมนเทิล(MNT) ลดลง 6% สะท้อนแรงขายที่ยังคงมีอยู่ในบางกลุ่มโทเคน
*ความคิดเห็น*: ท่ามกลางดัชนีเงินเฟ้อที่ชะลอตัว การไหลออกของกองทุนและการชำระบัญชีจากเลเวอเรจกลับยังส่งผลลบต่อตลาด สะท้อนว่าตลาดคริปโตยังอยู่ในช่วงเปราะบาง ความเคลื่อนไหวของกระเป๋าเงินขนาดใหญ่และ ETF อาจเป็นปัจจัยชี้นำในระยะสั้น นักลงทุนอาจต้องเน้นกลยุทธ์แบบระมัดระวังมากขึ้นในช่วงเวลานี้
ความคิดเห็น 0